FMCP Students!

FMCP Students!
No one is too old to learn English!

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไม่มีคะแนนโทอิค..เสียอะไรบ้าง

 ไม่มีคะแนนโทอิค..เสียอะไรบ้าง

      • เสียเวลา   สมัครงานโดยไม่แนบคะแนนโทอิค (ประมาณ 550-600) แสดงถึงความไม่จริงจัง  บริษัทก็จะวางใบสมัครคุณไว้ในกองสูงๆ ในขณะที่คนที่มีประสบการณ์เทียบเท่า แต่มีคะแนนโทอิค..บริษัทก็จะเรียกสัมภาษณ์ทันที   ถ้าจะสมัครงานแต่ไม่มีคะแนนโทอิค..อย่าดีกว่า..เสียเวลา
      • เสียโอกาส  ไม่มีคะแนนโทอิค..อย่าหวังว่าจะถึงด่านสัมภาษณ์งาน  คนที่มีภาษาพร้อมกว่าจะได้สัมภาษณ์ก่อนแน่ๆ  งานที่ให้เงินเดือนสูงมักจะเรียกคะแนนโทอิคทั้งนั้น.. ลองเช็คดูได้เลย
      • เสียเงิน  หลายบริษัทเสนอเงินเดือนขั้นต่ำ..แต่จะให้เพิ่มเดือนละ 2,000-7,000 บาท (ขึ้นอยู่กับคะแนนโทอิค) เพียงแค่เรามีใบคะแนนโทอิค
      • เสียความรู้สึก  อยากได้รับโปรโมทเป็นหัวหน้า..แต่บอสใหญ่ก็ลำบากใจในเมื่อเราไม่มีใบคะแนนโท อิคยืนยันความสามารถทางภาษาของเรา.. และแล้ว..คนที่มีใบโทอิคนั้น..ก็ได้ตำแหน่งนั้นไป
      • เสียงาน  อาเซี่ยนมาเร็วเหลือเกิน..แต่ละบริษัทเริ่มพัฒนาบุคลากรของตัวเองจากการให้ ทุกคนมีคะแนนโทอิคสูงๆ  ถ้าเราทำคะแนนไม่ได้ซักที..เราจะอยู่กับบริษัทได้อีกนานมั้ย..คิดดู
ลองคิดดู เงินที่เราเสียไปปีละ 80,000 กว่าบาท (ไม่รวมโบนัส) เพราะเราไม่ติวและสอบโทอิค
เราจะซื้ออะไรได้บ้าง  พาครอบครัวไปไหนได้บ้าง

ถึงเวลาหรือยัง?  

ติวโทอิค ชลบุรี
ติวสอบโทอิค อมตนคร ชลบุรี

ผมดรณ์ ลดาวัลย์บุตร เรียน TOEIC COURSE กับที่ FMCP English  เป็นนักเรียนของครูฝ้ายครับ ผมได้ไปสอบ TOEIC มาแล้วในวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2557 และได้รับคะแนนสอบถึง 825 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่ผมพอใจมากครับ ผมขอขอบพระคุณครูฝ้าย ครู Mae   เป็นอย่างยิ่งครับ  ผมไม่เคยสอบ TOEIC มาก่อนเลย เพียงแค่ได้มาเรียนกับที่ FMCP English  ได้ความรู้มากขึ้นเยอะเลย เช่น การสร้างคลังคำศัพท์ , การฟัง Listening จาก Link ที่ส่งไปให้ , การทำการบ้านพิเศษ ,บทเรียน Grammar และอื่นๆครับ และโดยหนังสือที่มีแค่ 3 เล่มแต่ก็เหมาะสมกับเนื้อหาที่ใช้ในการเรียนเพื่อสอบ TOEIC มากๆเลยครับ ผมทำงานแล้วไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือเท่าไรแต่ก็ยังสามารถพิชิตเป้าหมายของ ตนเองได้
 ก่อนมาเรียนที่   FMCP English  ก็พยายามหาหนังสืออ่านแล้วก็ไม่เท่ากับเทคนิคที่ FMCP English  ให้กับนักเรียน ทั้งยังให้การทดลอง การทำสอบ จับเวลาทำสอบจริงๆ รวมทั้งประสบการณ์ของครูฝ้ายซึ่งได้ไปสอบ TOEIC อยู่เสมอๆ ช่วยให้มีเทคนิคการทำสอบเพิ่มขึ้น ทั้งยังลักษณะของข้อสอบซึ่งได้เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาด้วยครับ เช่นเวลาครูสอนทำข้อสอบก็จะปรับเวลาให้นักเรียนทำให้น้อยลงเรื่อยๆ เหมือนกับการสอบจริง และสอนให้รู้ว่าข้อสอบแต่ละ Part มีหลักการอย่างไรบ้าง เช่น Part I เมื่อเห็นรูปแล้วต้อง “มโน” ถึงคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องให้หมด แม้เพียงคำศัพท์เดียวก็ช่วยให้ทำข้อสอบได้ และ Part ของ Listening อื่นๆ ต้องอ่านโจทย์แบบ skimและ scan เพื่อให้ทราบว่าคำถามต้องการให้ตอบอะไร พอฟังแล้ว สามารถตอบได้ทันทีครับ และการฝึกฝนในเวลาเรียน ครูฝ้ายมักจะพูดเป็นภาษาอังกฤษเสมอๆ จึงมีความมั่นใจในการทำสอบ  ส่วน Part ของ Reading ที่ได้หลัก Grammar และ Vocabulary ที่ได้จาก FMCP English  ช่วยให้ง่ายและรวดเร็วต่อการตอบข้อสอบ เทคนิคนี้ให้ผลได้จริงและมีประโยชน์มากครับ
และที่สำคัญคือ Part ที่ “ยาก” สำหรับผมคือ Part VII หากไม่ได้วิธีคิด การตีโจทย์ว่าต้องการถามอะไรแล้ว ไม่สามารถทำได้ทัน เพราะโจทย์ยาวมาก ก็สามารถทำได้ทันเวลา  เพราะคุณครูฝ้าย และครู Mae ให้ระวังตรงจุดนี้ จุดนั้น ดีมากๆเลยครับ สุดท้ายนี้ผมขอขอบพระคุณ  FMCP English  อย่างมาก  มาเรียนที่นี่แล้วไม่ผิดหวังครับ หากทำได้คะแนนตามเกณฑ์ ยังได้รับค่าสมัครสอบเต็มจำนวนอีกคือ 1,500 บาทคืนกลับไปอีกด้วย คุ้มจริงๆครับ
        ผมอยากให้ผู้สนใจ ภาษาอังกฤษทั้งเยาวชนและผู้ที่กำลังทำงาน หรือผู้ที่ต้องการพัฒนาตนเอง มาเรียน TOEIC หรือ COURSE ภาษาอังกฤษที่นี่ครับ จะไม่ผิดหวังและได้อะไรมากกว่าที่ จะค้นคว้าเอง ประหยัดเวลา  สถานที่เรียนสะดวกมากๆ ห้องเรียนมีอุปกรณ์การเรียนครบ และกลุ่มที่เรียนไม่ใหญ่ อธิบายได้อย่างทั่วถึงครับ และด้วยเพราะว่าภาษาอังกฤษสำคัญมาก “พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น....ไปไม่ได้ไกลครับ” 
วันนี้ ผล TOEIC ของผมทำให้ได้รับ ค่าใช้ภาษา เพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 3,000 บาท ครับ

คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดของคอร์สโทอิค--ไม่จำกัดชม.

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ติวโทอิค-สด-ไม่จำกัดชม. ติวจนสอบเสร็จ--ได้เริ่มแล้วที่ FMCP English ชลบุรี

ติวโทอิค-สด-ไม่จำกัดชม. ติวจนสอบเสร็จ

ได้เริ่มแล้วที่ FMCP English

เรียนโทอิค ไม่จำกัด

FMCP English ได้เปิดตัวคอร์ส UNLIMITED TOEIC  อย่างเรียบร้อย!

คอร์สนี้เป็นคอร์สในฝันของหลายคน เพราะ ให้ความอิสระในการติวข้อสอบมากที่สุด แต่จ่ายน้อยที่สุด! 
 
KruMae ได้คุยกับนักเรียนหลายร้อยคนที่เจอปัญหามากมายในการต้องสอบโทอิคเข้าทำงาน หรือเปลี่ยนงาน  เช่น
  • พื้นฐานภาษาอังกฤษไม่ดี
  • ทำงานก็เหนื่อยแล้ว..ต้องหาเวลามาติวโทอิคอีก
  • ตารางงานไม่แน่นอน  บางเสาร์ก็ทำงาน  บางอาทิตย์ก็ติดธุระ
  • บางครั้งขาดเรียน ก็กลัวเรียนไม่ทันเพื่อน
  • การติวโทอิค ทำไมต้องแพงจัง  เงินเดือนที่มีอยู่ก็น้อย แล้วต้องเก็บเงินเท่าไหร่ถึงจะได้เข้าติว
  • อยากเริ่มเลย  บริษัทรอคะแนนอยู่ รอรอบใหม่ไม่ได้
  • เรียนครั้งแรก โดยเฉพาะแกรมม่า ไม่เข้าใจ อยากเข้าทบทวนอีกรอบ
  • อยากฝึกทำข้อสอบเยอะๆ
การ ติวโทอิคนั้น--นักเรียนส่วนใหญ่จะทำเมื่อจำเป็นจริงๆ  และในเมื่อ KruMae อยากให้ทุกคนได้คะแนนที่ต้องการ (จะได้ไปใช้ชีวิตอยู่แบบคนทั่วไป) เมจึงออกแบบคอร์สใหม่ เพื่อให้การติวโทอิค และการได้คะแนนที่ต้องการนั้น--เป็นไปได้สำหรับทุกๆคน

UNLIMITED TOEIC ของ FMCP English ตอบโจทย์ให้ทั้งวัยนักเรียนและวัยทำงาน--ดังนี้

  • เรียนตามแบบของตัวเอง  ถ้าพื้นฐานยังอ่อนอยู่ก็สามารถเข้าเรียนเพื่อทบทวนเนื้อหาได้ไม่จำกัดครั้ง
  • ตารางเรียนแค่ 3 ชม. ต่ออาทิตย์  นักเรียนจะมีเวลาทบทวนเนื่อหามากขึ้น และสามารถยังไปพักผ่อนก่อนเริ่มอาทิตย์ใหม่
  • ตารางเรียน/ตารางงานไม่แน่นอน--ไม่เป็นไร  อาทิตย์ไหนขาด ก็สามารถมาเรียนชดเชยในครั้งต่อไปได้
  • ใช่ การติวโทอิค ไม่ควรจะราคาสูง--เพราะเงินเดือนแรกเริ่มนั้นน้อย แถมหลายคนต้องผ่อนหลายอย่าง  เอาความกังวัลเรื่องค่าคอร์สไว้ที่เรา  จ่ายเพียง 3,900 บาท บวกค่าหนังสือแค่ 200 บาท แล้วนักเรียนก็สามารถเข้าเรียนเรื่อยๆ จนกว่าจะสอบเสร็จ
  • ไม่ต้องรอรอบ ไม่ต้องรอคอร์ส  สามารถเริ่มเรียนได้เลย!
  • โทอิคนี้จะสอนสด --ทุกรอบ  ถ้าพารท์ไหนยังไม่ชัวร์  เข้ามาฟังได้บ่อยๆ
  • สถาบันมีการจัดสอบคล้ายสถานการณ์จริงจำนวน 5 ครั้ง  เราใช้ข้อสอบที่มีความยากเทียบเท่ากับตัวจริง พร้อมทั้งจับเวลา เพื่อที่เวลาสอบจริงจะมั่นใจในรูปแบบการสอบ 100%  นักเรียนจะสามารถฝึกการสอบนี้ได้ 5 ครั้ง (ข้อสอบไม่ซ้ำกัน) แค่ครั้งละ 200 บาท เท่านั้น!

คอร์ส UNLIMITED TOEIC มีเวลาเรียนดังนี้    โปรโมชั่น 3,900 บาท + 200 บาทค่าหนังสือ

  • UNLIMITED TOEIC SATURDAY:  วันเสาร์ 9.00-12.00น.  เริ่ม 6 ธันวาคม! เปิดรับสมัครแล้ว!! 
  • UNLIMITED TOEIC SUNDAY:  วันอาทิตย์ 9.00-12.00น.   เริ่ม 30 พฤศจิกายน! เปิดรับสมัครแล้ว!!
วิธีสมัครเรียน: โอนค่าเรียนเพื่อจองที่นั่ง, เก็บสลิปเพื่อเป็นหลักฐาน และติดต่อครูเมทันทีหลังโอนมัดจำที่ 082-471-0226 หรือ line id:maemew
ธนาคารกรุงศรี 631-1-15450-0 ชลกาญจน์ ปึงวิริยะรัตน์

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

KruMae แนะนำ 5 เทคนิคในการหางาน สำหรับนักศึกษาที่ใกล้จะเรียนจบปริญญาตรี/โท

KruMae แนะนำ 5 เทคนิคในการหางาน

สำหรับนักศึกษาที่ใกล้จะเรียนจบปริญญาตรี/โท

KruMae แนะนำ 5 เทคนิคในการหางาน สำหรับนักศึกษาที่ใกล้จะเรียนจบ 

พิธีรับปริญญาในภาษาอังกฤษ เรียกว่า "Commencement" 

ซึ่งแปลว่า "จุดเริ่มต้น"

แต่เอ...หลายคนคงจะสงสัยว่า ทำไมถึงเรียกว่าจุดเริ่มต้น ทั้งๆที่มันคือ Graduation Day --หรือคือวันเรียนจบ

สาเหตุ ก็เพราะวันที่เราเรียนจบ..คือวันที่ชีวิตวัยนักเรียนได้สิ้นสุดลง และชีวิตของการทำงาน และความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบได้เริ่มขึ้น

นัก เรียนได้วาดฝันถึงวันนี้มาตั้งแต่ปี 1  หรือช่วงมัธยม..ก็ยังมี  พอใกล้ถึงวันนั้นทุกคนเตรียมชุด หาช่างกล้องประจำตัว การด์ชวนเพื่อน ช่างแต่งหน้าทำผม---แต่ ถามจริง..มีใครเตรียมเรซูเม่ คะแนนโทอิค หรือทักษะการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ สำหรับวันต่อไปหลังจากงานรับปริญญามั้ย?

มีน้อยคนนักที่เตรียม--บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโทอิคคืออะไร  แล้วมีการตกใจเมื่อคนสัมภาษณ์--หน้าตาก็ไทย  แต่ถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษ--เงิบไปเลย!

พอเราเตรียมตัวช้า---คนที่เตรียมมาก่อนก็จะได้งานดีๆ เงินเดือนสูงๆก่อน แล้วเหลืออะไรให้เราละ?
หลาย คนเหลือเกินที่มาหา KruMae แล้วขอให้ได้คะแนนโทอิคเท่านั้น เท่านี้ในเวลาจำกัด  หรือไม่ก็ขอติวสัมภาษณ์งาน--ทั้งๆที่ทักษะการพูดการฟังนั้นแทบจะไม่มีเลย  สุดท้ายก็ต้องพบกับความจริงว่า โอกาสไม่เคยรอใคร--ในเมื่อเราไม่พร้อม..มันก็จะไปหาคนอื่นที่พร้อมกว่า...
แต่..ข้อดีของโอกาส ก็คือ..ในชีวิตเรา..มันจะมาหลายรอบ  ยิ่งเราพัฒนาทักษะของตัวเองมากเท่าไหร่--โอกาสจะมาหาเราถี่ขึ้นเท่านั้น!

KruMae แนะนำ 5 เทคนิคในการหางาน สำหรับนักศึกษาที่ใกล้จะเรียนจบ

  • เขียน Resume ของตัวเอง  ใบนี้บอกประวัติของเรา รวมทั้งประสบการณ์และการศึกษา  ในเมื่อเรายังไม่มีประสบการณ์ก็ให้เน้นทักษะ หรือกิจกรรมที่เป็นตัวเด่น เช่น ได้แข่งการประกวดได้รับรางวัล หรือเป็นผู้นำ/หัวหน้ากลุ่ม  ไม่ต้องเขียนให้ยาว 2-3 หน้ากระดาษ  เขียนหน้าเดียว--พอ  สไตล์ที่ KruMae ชอบจะเป็นแบบอเมริกันที่สั้นๆได้ใจความ แผ่นเดียว--หน้าเดียว  เพราะคนอ่านไม่มีเวลามานั่งอ่านเรซุเม่ที่มีแต่คำเยอะๆ หรูๆ แต่สรุปหน้าที่การงานไม่ได้เลย คนอ่านมักจะไม่มีเวลาอ่าน เราจึงควรทำ Resume ให้สั้่นๆ แต่น่าประทับใจ..จะดีกว่า
iStock_000017601939web
โทอิคราคาถูก ชลบุรี
  • พูดภาษาอังกฤษเป็นบ้างหรือปล่าว?  ถ้าพูดไม่เป็น--เวลาสัมภาษณ์ก็จะเป็นสไตล์ท่องๆ ซึ่งมันไม่ได้ผลดีให้ใครเลยเพราะนอกจากเราจะเกรงแบบสุดๆ ถ้าเราลืมแค่คำเดียว--ก็จอด  แถมคนถามอะ  ถาม/สัมภาษณ์มาเยอะแล้ว--ใครท่องไม่ท่อง--เนี่ย รู้หมด  หนังสือการสัมภาษณ์ถึงช่วยเราไม่ได้เพราะตัวอย่างที่ให้มานั้น--เราจะไม่เจอ ในการสัมภาษณ์ของเราเลย  KruMae ขอบอกหลายๆรอบ ว่าทักษะการพูด--เราจะเก่งภายในเดือนเดียวนั้น--IMPOSSIBLE!  ถ้าทันเป็นไปได้--(ใครต่อใครจะไปทำไมเมืองนอก--หนาวก็หนาว  เหงาก็เหงา แถมอาหารไทยก็แพง!) เราจึงต้องฝึกบ่อยๆ นานๆ เพื่อความมั่นใจ และความเคยชินในการใช้ภาษาอังกฤษ  เวลาใครถามอะไรเรา เราก็จะสามารถคิดคำตอบ--สดๆ ได้เลย!  ถ้าเรายังไม่เคยเรียนสนทนา เราก็ควรเริ่มในคอร์สที่สอนพื้นฐานในการสนทนา เช่นการสร้างประโยคถามตอบ ก่อนที่จะกระโดดเรียนกับครูต่างชาติ  คลิกที่นี่เพื่อรายละเอียดคอร์สปรับพื้นฐานสนทนาภาษาอังกฤษ
  • รู้จัก NETWORKING อันนี้ก็คือ มีเพื่อนทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ และคนที่ทำงานแล้ว  อย่างเช่นคอร์สภาษาที่สถาบัน FMCP English เน้นการสอนผู้ใหญ่ วัยทำงานโดยเฉพาะ--นักศึกษาที่เรียนในคอร์สเดียวกันจะรู้จักพวกพี่ๆ ที่ทำงานแล้ว พี่ๆนี้จะสามารถให้แนวทางในการสมัครงานที่บริษัทที่เค้าทำอยู่ หรือไม่ก็มีข้อมูลพิเศษของคนใน ที่อาจจะมีค่าสำหรับคนที่กำลังหางานอีกด้วย  ที่สำคัญ--พวกพี่ๆนั้นกำลังทำงานในหน้าที่นั้นๆ นักศึกษาของเราจึงสามารถถามถึงหน้าที่การงานของตำแหน่งนั้น ก่อนที่เราจะลงมือทำอีกด้วย
  • จัดระเบียบ Social Media (FACEBOOK, TWITTER) เพราะบริษัทสมัยนี้จะอยากรู้ตัวจริงของผู้สมัคร จึงมักเข้าพวกโซเชลเพื่อศึกษาข้อมูล  ถ้าไม่อยากให้เค้าเห็นอะไรแปลกๆ ก็ลบให้หมด--ไม่อย่างนั้นก็ต้องโปลไฟลตัวเองให้เป็นส่วนตัว
  • เริ่มหางานก่อนใคร   ส่วนใหญ่นักเรียนจะเริ่มหางานหลังจบการศึกษา--รอทำไม?  ในเมื่อคะแนนโทอิคมีอายุ 2 ปี และมีหลายบริษัทที่จะรับเราเข้าทำงาน 2-3 เดือนก่อนจบปริญญา-- ถ้าเราได้เลือกก่อน--เราก็มีโอกาสจะได้สิ่งดีๆก่อน
5 อย่างนี้ก็จะทำให้เราเตรียมพร้อมในการทำงานกว่าใคร ในวันที่เราเรียนจบ เราจะสามารถยิ้มได้อย่างเต็มที่เพราะเราจะตื่นเต้นกับงานใหม่ที่รอเราอยู่ และสิ้นสึดการใช้ชีวิตแบบนักเรียนซักที!

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เทคนิค(ไม่ลับ)ในการทำโทอิคพารท์ 7 แบบเร็วสุดยอด!

เทคนิค(ไม่ลับ)ในการทำโทอิคพารท์ 7 แบบเร็วสุดยอด!

เทคนิค(ไม่ลับ)ในการทำโทอิคพารท์ 7 แบบเร็วสุดยอด!

พารท์ 7-- เป็นพารท์ที่ทำกันไม่ทันทุกคน...

น่าเสียดายคะแนนสุดๆ เพราะพารท์ 7 นี้  อันที่จริงง่ายกว่าพารท์ 5-6 มากมาย..

ก็เพราะคำตอบของพารท์ 7 มันจะอยู่ในบทอ่าน ถ้าแบ่งเวลาพอก็จะเจอ  แต่ปัญหาก็อยู่ตรงนี้..ไม่มีเวลาพอ 

คนคิดข้อสอบโทอิคถึงจำกัดเวลาแค่ 2 ชม.ไง   ถ้าให้เวลาทั้งวัน--ก็คงได้คะแนนเต็มกันหมดทุกคน

ครูเมเลยมีเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่ได้ผลอย่างมากมายในการทำพารท์นี้  เอ้าเตรียมพร้อม!
  1. พารท์ 7 ใช้เวลา 55-60 นาที  ใช่--มีตั้ง 13-15 บทความ  ถ้าให้เวลากับมันน้อยกว่านี้--คุณจะทำไม่ทันแน่  ตัวโกยคะแนนด้าน Reading คือพารท์นี้--ให้ความสำคัญมันหน่อยนะ
  2. ให้ความสำคัญกับคำที่คุณรู้ความหมาย  ง่ายๆ นะ คือ คำที่คุณรู้มันมีมากมาย มากกว่าคำที่คุณไม่รู้  ในเมื่อคุณไม่ได้ไปศึกษาคำนั้นมา--ก็อย่าไปเสียเวลากับมัน  ให้ใช้คำที่คุณรู้มาดูความหมายโดยรวมดีกว่า  ไม่มีใครใรโลกนี้ที่รู้ความหมายของคำศัพท์ทุกคำ--ขนาดเจ้าของภาษาเองยังรู้ ไม่หมดเลย!
  3. อ่านดูหัวข้อโจทย์นิดนึงว่าคุณกำลังจะอ่านเรื่องอะไร  โฆษณา? บทข่าว? หางาน?  จะได้พอกะได้ว่าเนื้อเรื่องจะไปแนวไหน
  4. อ่านไป คิดไป  เนื้อบทความที่โทอิคหามานั้น เป็นบทความที่สามารถเห็นเจอในชีวิตจริง  ถ้าจนมุมเมื่อใด..ให้นึกถึงสถานการณ์จริงแล้วหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุด  อย่าหลับตาเดา
  5. อ่านทำความเข้าใจกับประโยคแรกของแต่ละย่อหน้า  เพราะประโยคแรกจะเป็นตัวบ่งบอกว่าที่เหลือในย่อหน้านั้นจะพูดถึงอะไร  เรื่องนี้สำคัญมากเพราะพอคุณรู้ว่าย่อหน้าไหนพูดถึงอะไร เวลาคุณอ่านโจทย์คุณก็จะรู้ทันทีว่าต้องอ่านย่อหน้าไหน  ไม่ใช่เอะอะๆก็เริ่มย่อหน้าแรกทุกครั้งไป---ตัวนี้ประหยัดเวลาได้ตั้ง 60%!
จงเอาทั้งหมดนี้ไปใช้ในการทำข้อสอบโทอิคแล้วคุณจะออกจากห้องสอบพร้อมกับอมยิ้ม--
เพราะทำข้อสอบทัน แถมถูกอีกต่างหาก!

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เหตุผล 6 อย่างที่ทำให้คุณยังเขียนอีเมล์ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่เขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษทุกวันๆ

เหตุผล 6 อย่างที่ทำให้คุณยังเขียนอีเมล์ไม่รู้เรื่อง

ทั้งๆที่เขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษทุกวันๆ

เหตุผล 5 อย่างที่ทำให้คุณยังเขียนอีเมล์ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่เขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษทุกวันๆ
อยากรู้มั้ย  ว่าถึงแม้ว่าคุณเขียนอีเมล์ทุกวันๆ ไม่ได้หมายความว่าคุณมีทักษะในการเขียนที่ดี 
เคยมั้ย??  เขียนอีเมล์แล้วถูกส่งกลับ  ถูกถามหลายครั้งเพราะไม่เคลียร์จากลูกค้าและบอส

KruMae เห็นการเขียนอีเมล์มามากมาย และรวบรวมเหตุผลที่เรายังเขียนอีเมล์ไม่ถูกต้องซักที

  1. เขียนใช้เทนส์ผิดๆ ถูกๆ   ภาษาอังกฤษให้ความสำคัญในการใช้เทนส์ที่ถูกต้องเพราะมันสำคัญมากกกก   ลองนึกดู ถ้าลูกค้าถามถึงการส่งของ  เราบอกว่าส่งไปแล้ว  ทั้งๆที่ยังไม่ได้ส่งแต่ใส่เทนส์ผิด--คงงงกันสนุกไปเลย  เพราะฉะนั้นครูเมแนะนำให้ดูเทนส์ที่เค้าใช้  เค้าใช้เทนส์ใด  เราใช้เทนส์นั้น แล้วจะผิดผลาดน้อยกว่าพิมพๆไป ไม่ได้ดูเทนส์เลย
  2. แปลไทยเป็นอังกฤษ...จ๋าเลย   เมอ่านแล้วก็สามารถแปลได้ตามตัว  ภาษาอังกฤษมันมีรูปแบบเหมือนภาษาไทยขนาดนั้นเลยเหรอ?   ถ้าเขียนให้คนไทยด้วยกันอ่าน  ก็คงเข้าใจ  แต่ถ้าเขียนให้ลูกค้าหรือบอส--เราจะเสียเครดิตหมดนะ 
  3. ไม่ใช้ period หรือจุด full stop   เขียนไปเรื่อยๆเหมือนเขียนภาษาไทย   ภาษาอังกฤษมีการเริ่ม จบประโยคเพื่อป้องกันการสับสนของข้อความ  เราควรเคารพกฏของภาษาอังกฤษและใช้ให้ถูกต้อง  นอกเหนือจะอ่านง่าน เข้าใจง่าย แต่มันจะลดความปวดหัวให้คนที่รับอีเมล์เรา
  4. เขียนแต่น้ำ--เนื้อจริงๆมีนิดเดียว--  ทำเหมือนขายอาหารข้าวแกงที่มีแต่น้ำ   นิทานการเล่าเรื่องเก็บไว้เขียนอีเมล์ส่วนตัว  ถ้าเขียนอีเมล์ในที่ทำงาน  เขียนให้ได้ใจความสั้นๆ พอ  เพราะไม่มีใครอยากอ่าน และไม่มีใครมีเวลาอ่านข้อความยาวๆของเรา--โดยเฉพาะบอสของเรา  อีกอย่าง--ถ้าเราไม่มั่นใจภาษาของเราก็อย่าเขียวยาว..ยิ่งเขียนยาวยิ่งมี โอกาสผิดเยอะ
  5. ลอกการเขียนมาผิดๆ  ครูเมเคยถามนักเรียน...ทำไมเขียนแบบนี้  ก็มักได้คำตอบว่า..ก็เค้าเขียนกันมาอย่างนี้   ถ้าเราไม่หยุดดูนิดนึงว่าสิ่งที่เราลอกมาใช้เนี่ย  ถูกหรือผิด เราก็จะจำแบบผิดๆมาใช้ พอถึงเวลาแก้ก็แก้ยาก เพราะนิสัยการเขียนนั้นฝังลึกไปแล้ว
  6. ใช้ Google Translate แปล  กูเกิ้ลต้องถูกซิ--จริงเหรอ?  กูเกิ้ลก็คือคอมพิวเตอร์  สมองมนุษย์สร้างคอม  คอมไม่ได้สร้างมนุษย์  และอีกอย่าง เราจะไม่มีวันได้เรียนรู้ทักษะในการเขียนถ้าไม่เคยเขียนของตัวเอง
ทักษะ การเขียนอีเมล์แบบงูๆปลาๆนั้นจะสามารถใช้ได้ในตำแหน่งปัจจุบัน แต่ถ้าอยากได้รับการโปรโมทในตำแหน่งที่สูงขึ้น เราต้องฝึกการเขียนอีเมล์ที่ถูกต้อง ชัดเจนและเข้าใจง่าย  เพราะคงไม่มีบริษัทใดอยากให้ผู้จัดการในบริษัทเขียนอีเมล์แบบขอไปทีในฐานะ ตัวแทนของบริษัทนั้นๆ นะ

ฝึกการเขียนให้ถูกต้อง บอสอ่านก็จะแอบประทับใจ อีกทั้งทำให้การสื่อสารนั้นราบรื่นขึ้น

ทักษะ นี้สามารถฝึกได้เอง หรือสามารถฝึกในคอร์ส Business E-mail Writing วันเสาร์ 9.00-12.00  ติดต่อครูเมได้ที่ 082-471-0226 หรือไลน์ maemew

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คำถามเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษที่ KruMae เจอบ่อย--เรียนกี่ครอส์ถึงจะเก่ง?

คำถามเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษที่ KruMae เจอบ่อย--เรียนกี่ครอส์ถึงจะเก่ง?

questions
ซึ่งเป็นคำถามที่ตอบได้ยากมาก---

ไม่ ใช่เพราะ KruMae ไม่มั่นใจในหลักสูตรของสถาบัน FMCP English... แต่เมไม่มั่นใจในความพยายามและพื้นฐานทักษะทางภาษาของคนถาม  เพราะคนที่ถามส่วนใหญ่จะถามผ่านโทรศัพท์ หรือไลน์
การถามคำถามแบบนี้เปรียบเหมือนกับว่า..เราไม่สบาย..เราโทรไปหาหมอ  แล้วบอกอาการ แล้วถามว่าจะหายเมื่อไร
หมอ ยังไม่เห็นคนไข้  ไม่ได้ตรวจสอบอาการเอง  ในการที่เราไม่สบายอาจเป็นได้หลายอย่าง..แล้วจะมีหมอคนไหนกล้าการันตีว่าเรา จะหายได้กี่วัน กี่เดือน..

 ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน 

ถ้าคนนั้นเค้าสัญญาว่าเราจะเก่งภายในกี่เดือน ทั้งๆที่ไม่เคยทดสอบพื้นฐานของเรา รวมทั้งดูถึงการฝึกฝนนอกห้องเรียน--นักเรียนต้องระวังคนพวกนี้ให้ดีๆ  เค้าอาจจะตั้งใจขายคอร์สเพื่อทำยอดมากกว่าดูแลความต้องการของเราจริงๆ  ครูเมเตือนเลยนะ ว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ทักษะที่ฝึกกันได้แล้วเก่งในไม่กี่เดือน (ไม่อย่างนั้นจะไปเรียนต่างประเทศกันทำไม)

ถ้าตั้งใจจะเก่งภาษาอังกฤษ--นัก เรียนต้องฝึกให้บ่อยที่สุด  หมายถึงในห้องเรียนและนอกห้องเรียน และต้องทำความเข้าใจในการเรียนภาษาว่าใช้เวลาพอสมควร  ไม่ใช่ว่าอยากจะเอามาใช้เมื่อไหร่--แล้วค่อยมาเรียน   ครูเมบอกตรงๆ ว่าเราจะไม่มีทักษะภาษาทันใช้แน่

เพราะฉะนั้น--ถ้าอยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะเก่ง  ให้ดูที่พื้นฐานเรา ถ้าไม่แน่ใจให้มานัดเจอกับครูเม ครูเมจะเทสให้ฟรี!  และดูเวลาในการฝึกฝน รวมถึงเลือกคอร์สที่ตอบโจทย์ในเวลา และวันที่เราสามารถมาเรียนได้  KruMae แนะนำคอร์สสไตล์บุฟเฟต์ สำหรับคนที่มีเวลาพอสมควรในการเรียนภาษา เพราะได้เรียนถี่มาก และคุ้มค่ามากมาย

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สอบก.พ.ผ่านทุกวิชา--ยกเว้นโทอิค ทำอย่างไรดี?

สอบก.พ.ผ่านทุกวิชา--ยกเว้นโทอิค ทำอย่างไรดี?

สอบก.พ.ผ่านทุกวิชา--ยกเว้นโทอิค ทำอย่างไรดี?
สอบก.พ.ผ่านทุกวิชา--ยกเว้นโทอิค ทำอย่างไรดี?

โทอิค---ไปไหนก็หนีไม่พ้นจริงๆ

หลายคนนึกว่าข้อสอบโทอิคเป็นสิ่งที่อ่านๆไปแล้วก็สอบได้..
จริงหรือ?  ใครที่พูดแบบนั้นแสดงว่าไม่เคยสอบโทอิค จึงไม่เข้าใจตัวข้อสอบของมัน
ในกรณีล่าสุด  นักเรียนคนนึงเริ่มเครียด เพราะสอบทุกวิชาผ่าน--ขาดแต่โทอิค  และเค้าเรียกตั้ง 500 --จะทำอย่างไรดี?
เรียก 500 นี่ ถือว่าน้อยนะ  บริษัทเอกชลจะเรียกอย่างน้อย 550 ด้วยซ้ำไป...
เม แนะนำให้เริ่มหาสถานที่ๆเป็นผู้เชี่ยวชาญในการติวโทอิคแบบ FMCP English ที่มีช่วยให้นักเรียนประสบความสำเร็จมาแล้ว ไม่ควรหาหนังสือมาติวเองเพราะการติวเองนั้นจะใช้เวลานาน และจะไม่ได้เทคนิคในการทำข้อสอบที่ครบถ้วนเมื่อเปรียบเทียบจากครูที่ผ่านการ สอบมา รวมทั้งได้ติวข้อสอบเป็นสิบกว่ารอบ จนเข้าใจตัวข้อสอบอย่างแท้จริง และสามารถอธิบายให้เราเข้าใจได้ง่าย

เอ..ควรเรียนเดี่ยวหรือกลุ่มดี?

ถ้า ให้ชัวร์---ควรเรียนเดี่ยว เพราะเป็นการเจาะจุดอ่อนของเราอย่างแท้จริง รวมทั้งเราสามารถเลือกเวลาในการเข้าติวได้ (เหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัดในการติวโทอิค)
ส่วนการเรียนเป็นกลุ่ม นั้น--เพมาะสำหรับนักเรียนที่มีเวลาเพียงพอในการติวและการสอบ  ค่าใช้จ่ายก็จะน้อยกว่าเดี่ยว แต่ต้องหมั่นเตือนตัวเองในการฝึก และการทำการบ้าน

คำถามสำคัญที่สุดในชีวิตผู้ปกครอง--ให้ลูกเรียนหลักสูตรปกติ หรือหลักสูตร EP ดี

คำถามสำคัญที่สุดในชีวิตผู้ปกครอง--ให้ลูกเรียนหลักสูตรปกติ หรือหลักสูตร EP ดี?


คำถามสำคัญที่สุดในชีวิตผู้ปกครอง-- ให้ลูกเรียนหลักสูตรปกติ หรือหลักสูตร EP ดี?

หน้าที่ของผู้ปกครอง--คือ การเลือกการเรียนที่ดีที่สุดให้ลูก   แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าการเรียนแบบไหนจะดี ในเมื่อระบบการศึกษาสมัยนี้นั้นต่างกับที่เราเรียนมาอย่างมากมาย.
สมัยนี้มาทั้ง EP, หลักสูตรสองภาษา,หลักสูตรภาคอินเตอร์, GIFTED และอย่างอื่นอีกมากมาย..
บาง คนเลือกในหลักสูตรที่ตนคิดว่าลูกจะให้ได้..ก็คือสายที่ตนเคยเรียนมา  เรื่องนี้ต้องระวังเพราะ สมัยผู้ปกครองนั้น--ไม่มีทางเลือกหลักสูตรขนาดนี้    ความเป็นไปของโลกสมยก่อนนั้นแตกต่างจากสมัยนี้อย่างสิ้นเชิง

เมมีผู้ปกครองหลายคนโทรมาปรึกษาเมด้านนี้  เมแนะนำว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะผู้ปกครองต้องคุยกับใครก็ได้ที่ทำงานในบริษัท หรือทำการสอนโดยตรง เพราะเค้าจะเห็นความต้องการในการใช้วิชาหรือทักษะนั้นๆ โดบตรง..
การที่ลูกจะอยากเป็นอะไรนั้น--เป็นสิ่งที่เด็กเองก็ไม่รู้ แต่ได้ยินมาว่าผู้ปกครองว่าอะไรดี--เค้าก็เลือกอย่างนั้น  เมจึงแนะนำให้ผู้ปกครองเลือกสร้างพื้นฐานให้เค้า ดีกว่าวางแผนจนจบมหาลัย--เพราะถ้าเด็กเกิดเปลี่ยนใจทีหลัง เด็กก็ยังมีพื้นฐานในการประกอบอาชีพที่เขาชอบ

 เมจึงแนะนนำให้ผู้ปกครองเริ่มการเรียนภาษาของน้องตั้งแต่เด็กจนกระทั่งถึงชั้นม. 3   ให้น้องเรียนภาษาอังกฤษพร้อมกับภาษาไทย ยิ่งเรียนตอนเด็กๆยิ่งดีเพราะน้องจะสามารถซึมซับภาษาได้อย่างเร็วและลึกซึ้ง กว่าตอนเรียนเมื่อเป็นผู้ใหญ่  มีนักเรียนหลายคนที่เรียนภาษาตั้งแต่เด็ก  พอขึ้นม.ปลายก็เปลี่ยนเป็นหลักสูตรปกติ แต่ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษนี้--ถึงจะอ่อนกว่าที่เคยเป็นตอนเรียนหลักสูตร ภาษา  แต่เค้าก็เก่งกว่าเด็กที่เรียนหลักสูตรปกติมาตลอด--อย่างมากมาย

ส่งเสริมด้านภาษา--แล้วลูกของคุณจะได้เปรียบกว่าใคร--

ไม่ว่าจะทำงานด้านใดก็ตาม!

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

5 วีธีในการเตรียมตัวเตรียมใจ---เพื่อสมัครงานใหม่ในปี 2558

5 วีธีในการเตรียมตัวเตรียมใจ---เพื่อสมัครงานใหม่ในปี 2558

วีธีเตรียมตัวเอง---เพื่อสมัครงานใหม่
ช่วง 2-3 เดือนนี้--ก่อนสิ้นปี  หลายๆคนกำลังเตรียมตัวสมัครงานใหม่หลังจากตัวเองได้รับโบนัส  ซึ่งครูเมว่าไม่ผิดอะไร  เพราะบริษัทก็สร้างกฎของโบนัสเพื่อให้เราได้อยู่ได้นานที่สุดเหมือนกัน  โดยเฉพาะการที่เราทำงานที่ใหม่จะทำให้เราได้รับความท้าทายในหน้าที่การงาน การวางตัวในสังคม และบังคับให้ตัวเองพัฒนาทักษะที่มีอยู่ ไม่ให้น้อยหน้าใคร--
ช่วงเวลานี้จึงสำคัญกับการเตรียมตัว เตรียมทักษะของตัวเอง..พอปีใหม่เข้ามา..เราจะได้สมัคร และได้งานก่อนคนอื่นที่พึ่งมาเตรียมตัวตอนที่งานดีๆถูกเอาไปหมดแล้ว..

ครูเมมีวิธีเตรียมตัวเองให้ทุกคนฝึกใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางานที่ดีและเงินเดือนที่สูงขึ้น

  1. ปัดฝุ่นเรซูเม่ของตัวเอง    แต่งเติมเรซูเม่ให้ดี  เพิ่มข้อมูลปัจจุบัน  หมั่นเปรียบเทียบสไตล์การเขียนของตัวเองและคนอื่น  และถ้าสามารถเพิ่ม Reference บุคคลอ้างอิงคุณสมบัติของเราได้--จะยิ่งดียิ่งขึ้น
  2. ออกจากงานโดยดี--  หมายถึงว่าเมื่อถึงเวลาออกจากงานเก่า..ให้ออกโดยดี  ไม่ใช่ออกแบบที่นายเก่าต้องสวดมนต์ภาวนาขอให้ชาตินี้ไม่เจอกันอีก  เพราะยิ่งเราสมัครตำแหน่งที่สูงขึ้น  ยิ่งต้องระวังเรื่องนี้ เพราะวงการธุรกิจนั้นค่อนข้างเล็ก  ถ้าบริษัทใหม่โทรถามนายเก่าเรื่องของเรา--แล้วนายเก่ามีแต่เรื่องไม่ดีๆ เล่าให้ฟัง  บริษัทไหนจะอยากจ้างเรา?
  3. ถ้ายังไม่มีคะแนนโทอิค  เวลานี้เป็นโอกาสดีที่เราจะปัดฝุ่นทักษะทางภาษาอังกฤษของเรา และลงคอร์สติวโทอิค เพราะยิ่งเราออกจากงานบ่อยๆ เราจะยิ่งเจอความต้องการในคะแนนโทอิคมากยิ่งขึ้น รวมทั้งคู่แข่งก็มักจะมีมากขึ้น เราจึงต้องพัฒนาตัวเองให้ทักษะภาษาอังกฤษทั้งสี่ทักษะ--ดีกว่าปัจจุบัน  รวมทั้งเป็นตัวอย่างให้ลูกหลานเข้าใจว่าภาษาอังกฤษสำคัญขนาดไหน--
  4. Networking เยอะๆ   นั่นคือการมีติดต่อกับเพื่อนๆในคณะที่เราจบมา หรือเพื่อนๆที่ทำงานเก่า เผื่อจะมีคนรู้จักในบริษัทใหม่ที่เราอยากเข้าไปทำ  เพราะการที่เราได้มีคนรู้จักในบริษัทนั้นๆ จะช่วยให่เราได้งานในบริษัทนั้นง่ายขึ้น
  5. ทำความสะอาดเฟสบุ้ค Social Media ของตัวเอง  บางครั้ง HR จะเข้าเฟสเพื่อไปดูว่าเราเป็นคนแบบไหน..  เพราะอย่างนี้เราไม่ควรโพสต์รูปที่ไม่ดี หรือลงคำพูดที่ไม่สุภาพ--เพราะถึงแม้ว่าเรื่องเฟสเป็นเรื่องส่วนตัว  ก็ไม่มีบริษัทไหนอยากให้คนที่ดูไม่โอเคเข้ามาทำงานในบริษัท โดยเฉพาะในตำแหน่งสูงๆ  หากยังอยากลงภาพ และคำพูดที่ไม่สุภาพ ก็ควรลง Privacy Setting ให้เป็นไพรเวท--คนอื่นก็จะหาไม่เจอ

นั่นคือ 5 ข้อที่ครูเมฝากไว้ในวันนี้--โดยเฉพาะเรื่องภาษา--

เราจึงต้องเตรียมตัวตั้งแต่เเรก-- ไม่ใช่ว่าพอจะต้องใช้ก็รีบมาเรียน--มันจะไม่มีทันใช้นะ

รับตรงโดยคณะฯ (วิธีรับตรงพิเศษ) หลักสูตรแพทยศาสตร์ 2558 ต้องยื่นคะแนน IELTS/TOEFL!

รับตรงโดยคณะฯ (วิธีรับตรงพิเศษ) หลักสูตรแพทยศาสตร 2558 ต้องยื่นคะแนน IELTS/TOEFL!

520doctors20for20web
นักเรียนสายวิทย์ เหงื่อตกกันเป็นแถว... เพราะสมัยนี้ เก่งเลขกับวิทย์--ไม่พอซะแล้ว!
เพื่อตอบรับการเปิดประเทศในปี 2558 อีก 4 เดือนข้างหน้า--คณะ แพทย์ของมหาลัยดังๆ เช่นมหิดล (รับตรงโดยคณะฯ (วิธีรับตรงพิเศษ) หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปีการศึกษา 2558)
  และเชียงใหมดังนี้..
5.2 กลุ่มเรียนดี-อังกฤษ (รับ 20 คน)
ต้องเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นทางภาษาอังกฤษ โดยแสดงหลักฐานผลการสอบความรู้ความสามารถ ทางภาษาอังกฤษอย่างใดอย่างหนึ่งที่สอบภายใน 2 ปี ดังนี้
5.2.1 ได้คะแนนสอบ Cambridge ESOL ผ่านระดับ B2 ขึ้นไป หรือ
5.2.2 ได้คะแนนสอบ CMU-eTEG มากกว่าหรือเท่ากับ 75 หรือ
5.2.3 ได้คะแนนสอบ TOEFL paper มากกว่าหรือเท่ากับ 530 หรือ
5.2.4 ได้คะแนนสอบ TOEFL CBT มากกว่าหรือเท่ากับ 160 หรือ
5.2.5 ได้คะแนนสอบ TOEFL iBT มากกว่าหรือเท่ากับ 75 หรือ
5.2.6 ได้คะแนนสอบ TOEIC มากกว่าหรือเท่ากับ 650 หรือ
5.2.7 ได้คะแนนสอบ IELTS มากกว่าหรือเท่ากับ 6.5 หรือ
5.2.8 ได้คะแนนสอบ CU-TEP มากกว่าหรือเท่ากับ 75
คะแนน IELTS / TOEFL นั้นปกติจะใช้ยื่นกับมหาลัยต่างประเทศ เพราะมันคือข้อสอบวัดทักษะทั้ง 4 ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน  มหาลัยต่างแดนจะเอาคะแนนนี้มาตัดสินว่านักเรียนจะสามารถเรียนที่มหาลัย และเข้าใจการเรียนมั้ย  รวมทั้งจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศนั้นมั้ย--คะแนนนี้จึงต้องสอบให่ได้ สูงๆ เพราะมันสำคัญมาก..
ในวันนี้--ไม่ต้องไปเรียนต่างประเทศก็ยังจะต้องใช้ข้อสอบตัวนี้ 
ภาษาอังกฤษเป็นวิชาทักษะ--นั่นคือ ต้องมาเรียน มาเจอบ่อยๆถึงจะเก่งได้  เทคนิคทั้งหลายไม่ได้ผลถ้าพื้นฐานไม่มี
ใครที่พื้นฐานยังไม่แน่น--ครูเมแนะนำให้ลงเรียนคอร์ส FMCP English UNLIMITED--คอร์ สรายเดือนที่เรียนได้ไม่จำกัดชม.  เราเข้าใจว่านักเรียนต้องติวหลายวิชา--จึงออกแบบคอร์สให้ได้หลากหลายเวลา เพื่อความสะดวกในการเรียนภาษาอังกฤษ
Everyday English Course







คอร์สภาษาวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ อยู่ในระดับพื้นฐาน : เหมาะกับนักเรียนที่มีพื้นฐานทางภาษาอังกฤษน้อย และจะดำเนินการสอนโดยครูคนไทย
คอร์สวันอังคาร-พฤหัส-เสาร์ อยู่ในระดับทั่วไป :  เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีพื้นฐานการเรียนภาษาอยู่บ้าง และต้องการฝึกความชำนาญให้มากขึ้น ดำเนินการสอนโดยครูต่างชาติ

Talkin’ English:  คอร์สสนทนานี้เป็นคอร์สที่ HOT ที่สุด เพราะนักเรียนได้มาฝึกพูด/ฟังภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาอย่างไม่อั้น  นักเรียนที่เรียนคอร์สนี้ควรมีพื้นฐานการเรียนสนทนามาบ้าง หรือไม่ก็ผ่านคอร์สนทนาปรับพื้นฐานมาแล้ว  หัวข้อไม่ซ้ำ  Teacher หมุนเวียนกันมาสอน–ฝึกสำเนียงหลายๆแบบ  รวมทั้งฝึกการออกเสียง Pronunciation อีกด้วย!
Grammar Gurus:  ใครห่างเหินแกรมม่ามานาน  เขียนผิดๆถูก ตกๆหล่นๆ ไม่ควรพลาด  คอร์สนี้จะเรียนเพื่อเขียน—ใช่แล้ว มีแถม Writing ไปในตัว เพราะการเรียนแกรมม่าในครั้งนี้ เราจะต้องเขียนได้ ไม่ใช่เลือกข้อที่ถูกต้องได้อย่างเดียว  เหมาะสำหรับนักเรียน/นักศึกษาและบุคคลทั่วไป–ดำเนินการสอนโดยครูคนไทย
VOCAB Mastery หัวใจของภาษาอังกฤษคือ คำศัพท์   คอร์สนี้ไม่ใช่มานั่งๆท่องคำศัพท์นะ…แต่เป็นการเรียนคำศัพท์โดยระยะยาว  เราจะเน้นความเข้าใจในการใช้คำศัพท์ในประโยค เพราะเราเองก็รู้ว่าคำศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นดิ้นได้เมื่ออยู่ในตำแหน่งต่างๆใน ประโยค  เราจึงควรเรียนรู้การใช้คำศัพท์ ไม่ใช่การนั่งท่องคำศัพท์แบบเด็กๆ
Reading Comp. :  ทักษะการอ่านจับใจความนั้น—มันสำคัญขนาดออกโรงเรียนชอบเอามาออกข้อสอบ ตั้งแต่เราจำความได้..จนกระทั่งสอบโทและโทอิค—สำคัญขนาดนี้..แล้วจะหนีมัน ทำไม?  เรียนเทคนิคการทำข้อสอบพวกนี้ ฝึกการจับใจความและการจับเวลาในการทำข้อสอบการอ่าน–แล้ว Reading จะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป!

FMCP  Unlimited English Course  เหมาะสำหรับคนที่..

  • เข้าใจว่าภาษาอังกฤษสำคัญ และอยากเรียนเป็นระยะยาว
  • ไม่มีพื้นฐานในการสอบ TOEIC, IELTS, TOEFL (คุ้มมาก..เพราะ FMCP Unlimited English Course เปิดติวทุกด้านของข้อสอบพวกนี้–แล้วพอพื้นฐานดีขึ้นค่อยมาติวการทำข้อสอบแต่ละประเภทกับเรา!)  ใครอยากได้โทอิค 600-700 ควรลงเรียน!
  • ตารางงานไม่คงที่  เดินทางบ่อย
  • เตรียมตัวไปเรียนต่างประเทศ  หรือเตรียมตัวสอบชิงทุนไปต่างประเทศ
  • นักเรียน-บุคคลทั่วไปที่อยากเป็นส่วนในการเปิดประเทศสู่อาเซี่ยน

คุณรู้คะแนนโทอิคของคุณหรือยัง? 

ทำแบบทดสอบพรีโทอิคกับเรา--ฟรี (ใช้เวลา 80 นาที)  คลิกที่นี่!

คำถามที่เจอบ่อยเกี่่ยวกับ FMCP  Unlimited English Course 

  • เดือนนึงเรียนได้กี่ชม.  
ใน สัปดาห์นึง เราเปิดสอน 18 ชม. ตั้งแต่วันจันทร์-เสาร์  จำนวนชม.เรียนขึ้นอยู่กับคุณ ว่าคุณสะดวกวันไหน กี่ชม.อย่างไร หรือสนใจคอร์สไหนเป็นพิเศษ  เราจัดตารางให้ง่ายต่อการเรียนหลายทักษะ รวมทั้งสามารถเรียนซ้ำในอีกวันหากยังไม่เข้าใจ
  • ใครควรลงคอร์ส FMCP Unlimited English Course
นัก เรียน นักศึกษาและบุคคลทั่วไปสามารถลงคอร์สรายเดือนนี้  โดยเฉพาะถ้ามีแผนการในการสอบโทอิค SAT, TOEFL, IELTS รวมถึงสอบชิงทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพราะ FMCP Unlimited English Course สอนเฉพาะคอร์สที่ต้องใช้งานจริงๆ
  • ในหนึ่งอาทิตย์เนื้อหาเป็นอย่างไร
ใน ระดับพื้นฐาน (จันทร์-พุธ-ศุกร์) เนื้อหาของแต่ละคอร์สจะเหมือนกันของอาทิตย์นั้นๆ นักเรียนสามารถเลือกเข้ารอบที่สะดวก รวมทั้งสามารถกลัมมาเรียนเนื้อหาเดิมถ้ายังไม่เข้าใจ   ส่วนในระดับทั่วไป เนื้อหาก็จะต่างจากระดับพื้นฐาน  แต่ในทั้งสามวัน (อังคาร-พฤหัส-เสาร์) ก็จะเหมือนกัน
  • ถ้าลงระดับพื้นฐาน ก็ต้องเรียนแค่ระดับพื้นฐานใช่มั้ย
ไม่ จำเป็นคะ  ครูเมแนะนำให้เราลงรอบพื้นฐานหลักๆ แต่ควรเข้าระดับทั่วไปด้วยเพื่อความท้าทาย  เทื่อเราชำระค่าเรียนรายเดือนของคอร์ส FMCP Unlimited English Course  แล้ว  เราจะสามารถเข้ารอบไป ระดับไหน เวลาไหนก็ได้–แล้วแต่เรา!
  • ต้องซื้อหนังสือมั้ย
คอร์สวิชาจะเป็นชีท เพื่อความหลากหลายของเนื้อหาที่เรียน ซึ่งเอกสารการเรียนจะรวมในค่าเรียนรายเดือนอยู่แล้ว
  • Teacher ที่สอนเป็นครูไทยหรือครูต่างชาติ
ใน ระดับพื้นฐานจะมีครูไทยสอน  แต่ในระดับทั่วไป เราจะให้ครูต่างชาติสอน ซึ่งครูต่างชาติจะหมุนเวียนมาสอนเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการฟังหลากหลาย สำเนียง
  • จำนวนนักเรียนต่อห้อง—มีกี่คน
เรารับแค่ 16 คนต่อรอบเท่านั้น!
  • ราคาจะอยู่ที่ 3,900 บาทไปทุกเดือนใช่มั้ย
ในเดือนกันยายน 2014 จะเป็นการเปิดตัวของคอร์ส FMCP Unlimited English Course นักเรียนที่สมัครรอบเดือนกันยานี้จะได้ราคาพืเศษ 3,900 บาทไปจนกว่าจะหยุดเรียน  นักเรียนที่มาสมัครในเดือนถัดไปจะชำระเป็นราคาเต็ม 4,900 บาท
  • ต้องรอเดือนใหม่เปิดถึงจะสมัครใช่มั้ย
ไม่จำเป็นคะ  พร้อมจะเรียนกลางเดือนก็สมัครได้ เราจะคิดเป็นรายอาทิตย์ที่เรียน
  • สามารถสมัครเรียนได้อย่างไร
กรุณา โอนค่าเรียนมาที่ธนาคารกรุงศรี 631-1-15450-0 ชลกาญจน์ ปึงวิริยะรัตน์ แล้วถ่ายรูปสลิปเข้ามาที่ SMS 082-471-0226 หรือไลน์ LINE ID:maemew พร้อมกับชื่อ-นามสกุล
FMCP Unlimited English Course เป็นคอร์สรายเดือน–ชำระค่าเรียนทีละเดือน..เดือนไหนไม่ว่าง–ไม่เป็นไร  ไปทำธุระแล้วกลับมาเรียนใหม่ได้เลย!
ค่าเรียน:  เดือนละ 3,900 บาท

สมัครเรียนวันนี้—เริ่มเรียนได้เลย! 
ติดต่อครูเมได้ที่ 082-471-0226  LINE ID: maemew

เรียนพิเศษภาษาอังกฤษชลบุรีช่วงเดือนตุลาคม---เรียนอะไรดี?

เรียนพิเศษภาษาอังกฤษช่วงเดือนตุลาคม---เรียนอะไรดี?

AsianParentChild1
ในเมื่อคุณได้อ่านบทความนี้ เมรู้เลยว่าคุณคือผู้ปกครองสมัยใหม่--ที่เข้าใจความสำคัญของภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษ--เป็นทักษะที่ต้องสะสม  และเป็นทักษะที่จะช่วยน้องให้ได้งานดีๆ บริษัทใหญ่ๆ รวมถึงเงินเดือนกองโต--
พอจบการศึกษาเทอมหนึ่ง--ในช่วงตุลา  ผู้ปกครองมักจะถามเมขอคำปรึกษาว่าน้องควรเรียนคอร์สไหน---

ถ้าน้องอยู่ชั้น ป.3-6

เม แนะนำให้เรียน Reading  เพราะตามปกติที่โรงเรียน ครูภาษาอังกฤษจะสอนเน้นแกรมม่า แต่ไม่ค่อยให้ฝึกอ่านทั้งๆที่ Reading --หรือการอ่านจับใจความนั้นใช้ออกสอบทุกข้อสอบ--ในเมื่อนักเรียนของเมส่วน มากจะเป็นคนทำงาน--เมได้เห็นปัญหาจากการที่ไม่ได้ฝึก Reading ตั้งแต่เด็ก--เพราะอย่างงั้นการสอบตอนเป็นผู้ใหญ่ก็จะทำได้ยากขึ้น
คอร์สตุลาคมของเมจะเริ่มในวันที่ 6 ตุลาคม 2557  ตามตารางดังนี้
เรียนพิเศษภาษาอังกฤษช่วงเดือนตุลาคม---เรียนอะไรดี?

คอร์สตุลาคม เปิดรับสมัครแล้ว  ใครสนใจติดต่อครูต้นได้ที่ 086-712-7085

ถ้าน้องอยู่ชั้น ม.1-นักศึกษา

เม แนะนำให้ลงคอร์ส UNLIMITED ENGLISH --คอร์สรายเดือนที่น้องจะสามารถฝึกทุกทักษะแบบไม่จำกัดชม.  รวมทั้งปูพื้นฐานในการสอบ TOEIC, TOEFL, หรือ IELTS รวมทั้งข้อสอบภาษาอังกฤษต่างๆที่ทุกคนต้องเจอ
ตามตารางนี้--นักเรียนจะสามารถเลือกเรียนวันใดก็ได้--แล้วแต่แพ็คเก็จที่ซื้อไว้  อ่านรายละเอียดค่าใช้จ่าย และคลาสได้ที่นี่  คลิกเลย!
IELTS/TOEIC/TOEFL ชลบุรีเมื่อน้องได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษมากเท่าใด..เมื่อถึงเวลาจริง..น้องจะมัความมั่นใจในการใช้มากขึ้น!  โทรปรึกษาเมได้ที่ 082-471-0226

เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น--และจำได้นานกว่าเดิมเพื่อใช้ในข้อสอบ TOEIC, IELTS, TOEFL และที่ทำงาน

เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น--และจำได้นานกว่าเดิม

words vocabulary

คำศัพท์---คือหัวใจของทุกภาษา---โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ

ถ้าไม่เก่งคำศัพท์  ก็มักจะ
  • ฟังไม่รู้เรื่อง ---เอ  เค้าพูดคำอะไรแปลกๆ  ไม่รู้จัก
  • พูดไม่ได้--นึกคำไม่ออก
  • เขียนไม่เก่ง ---นึกคำไม่ออกเหมือนกัน
  • อ่านไม่รู้เรื่อง ---ไม่รู้ความหมายคำศัพท์
KruMae มีวิธีเทคนิคในการจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ในระยะยาว---ไม่ได้พูดถึงการนั่ง ท่องคำศัพท์นะ--เพราะวิธีนี้จะแนะนำหากกำลังเตรียมสอบ  แต่ต้องเข้าใจว่าการจำแบบท่องๆ จะถูกเก็บไว้ในความจำชั่วคราว---เดี๊ยวก็ลืม
การจำคำศัพท์ในระยะยาวนั้น--ต้องใช้ทักษะอื่นๆมาควบคู่กัน  ฝึกเทคนิคพวกนี้ แล้วครูเมการันตีว่าเราจะจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น และนานขึ้นแน่นอน! ยกตัวอย่างนะ  คำศัพท์ใหม่ของครูคือ CORRECT   
  • ครูจะหารูปแบบอื่นของคำว่า CORRECT  ถ้าเป็น adv. = correctly, adj.=correct, verb.=correct, noun=correction  (ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้ง 4 ตัว)
  • หาความหมายของคำว่า CORRECT ซึ่งแปลว่า ถูก, ถูกต้อง
  • ครูจะหาตัวอย่างการใช้ของแต่ละแบบ  เช่น
Adv.=  I do math correctly.
Adj.=  The math problem is correct.
Verb= The teacher corrects my paper.
Noun= The teacher talked to me about the correction on my paper.
  • ครูเมจะลองแต่งประโยคเอง..โดยใช้คำศัพท์ที่รู้---หลาย คนชอบแต่งเกินความรู้ตัวเอง--ทำให้การแต่งประโยคมันยากเวอร์  อย่าลืมว่าจุดประสงค์ของการเขียนประโยคในครั้งนี้ คือการฝึกใช้คำ CORRECT ในตำแหน่งต่างๆ เพื่อตรงกับความหมาย!
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น--และจำได้นานกว่าเดิม
  • สุดท้าย---แค่เห็นรูปคำศัพท์ไม่พอ--ควรเปิดเน็ทฟังการออกเสียงคำๆนั้น-- แล้วออกเสียงตามให้ใกล้เคียงที่สุด
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น--และจำได้นานกว่าเดิม

แม้ อาจจะดูว่ามันมีหลายขั้นตอน--แต่วิธีดังกล่าวจะช่วยให้เราจำคำศัพท์นี้ไปอีก นาน--แถมรู้จักการใช้อีกต่างหาก  การเขียนประโยคของเราก็ดีขึ้น รวมทั้งสามารถเข้าใจ และออกเสียงคำๆนั้นได้ถูกต้อง!!!

ฝึกวันละ 5 คำ--ก็เก่งได้!

To, for และ of ความแตกต่างและการใช้ที่ถูกต้อง

To, for และ of ความแตกต่างและการใช้ที่ถูกต้อง


To, for และ of ความแตกต่างและการใช้ที่ถูกต้อง
ความละเอียดในภาษาเป็นตัวที่ทำให้เราเก่งขึ้น!  มาเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างการใช้  OF:TO:FOR ที่ทุกคนชอบใช้ผิดบ่อยมากกกส์

หลักการใช้ of

Of : ใช้ในความหมายว่า "ของ"
เช่น  The first page of the book describes the author’s profile.
หน้าแรกของหนังสือเล่มนี้อธิบายประวัติของผู้เขียน
Of:  ใช้บอกจำนวน
เช่น  I drank three cups of milk.
ชั้นดื่มน้ำสามแก้ว

หลักการใช้ to

To:  ใช้บอกสถานที่
เช่น   All of us went to the movie theater.
เราทุกคนไปโรงหนัง
To:  ใช้บอกขีดจำกัด
เช่น  The snow was piled up to the roof.
หิมะถูกกองถึงหลังคา
To:  ใช้บอกความสัมพันธ์
เช่น  My answer to your question is in this envelop.
คำตอบของชั้นถึงคำถามของคุณอยู่ในซองจดหมายนี้
To:  ใช้บอกระยะเวลา
เช่น  I work nine to six, Monday to Friday.
ชั้นทำงานเก้าโมงถึงหกโมง จันทร์ถึงศุกร์

หลักการใช้ for

For:  ใช้บอกการใช้งาน
เช่น  I baked a cake for your birthday.
ชั้นอบเค้กเพื่อวันเกิดของเธอ
For:  แปลว่า "สำหรับ"

เข่น  We feel deeply sorry for your loss.
เรารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสูญเสียของคุณ

การเลือกคอร์สภาษา--ดูที่ราคาหรือคุณภาพ?

การเลือกคอร์สภาษา--ดูที่ราคาหรือคุณภาพ?


การเลือกคอร์สภาษา--ดูที่ราคาหรือคุณภาพ?
สถาบัน สอนภาษามีมากมาย--ซึ่งมีทั้งครูและหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้นักเรียนได้มีการ พัฒนาทักษะทางภาษาอย่างต่อเนื่อง  ถ้าคุณเป็นน้องใหม่ในการเรียนภาษาอังกฤษ--ไม่เคยได้เรียนภาษาอังกฤษจริงจัง แตมีแรงสู้ในครั้งนี้เพื่ออยากที่จะได้โอกาสในการงานและการเรียนมาก ขึ้น--คุณต้องเลือกสถาบันและคอร์สภาษาที่แรกให้ดี--เพราะสถาบันนั้นจะมีผล กระทบต่อการเรียนภาษาของคุณไปในอนาคต

เจ้าของบริษัท,ระดับผู้จัดการและหัวหน้างานมักจะเลือกเรียนเดี่ยว--

เพราะ ทำไม? เพราะนั่นคือการเรียนที่จะได้คุณภาพที่สูงที่สุด และจะสามารถพัฒนาภาษาได้เร็วมาก  ใช่--ราคาค่าเรียนของคอร์สเดี่ยวจะค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่ม  แต่สำหรับเขาพวกนี้ คุณภาพของการเรียน--มันตีเป็นราคาไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามันมีค่ามากมาย และเขายอมสละเงินตรงนี้เพื่อให้ได้ทักษะที่จะติดตัวเค้าไปในระยะยาว...
ถ้าราคามันเจ็บปวดหัวใจ.. คุณควรดูที่กลุ่ม  แต่ควรระวังว่า--ถ้าพื้นฐานยังไม่ดี เราควรศึกษาทั้งหลักสูตร จำนวนผู้เรียน และ ครูผู้สอน(ถ้าเป็นไปได้) ก่อนตัดสินใจ  KruMae มีข้อดังกล่าวให้เราพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ
  • ตอนนี้คุณใช้ทักษะใด--ปรับปรุงทักษะนั้น   หมายถึงถ้าคุณใช้การเขียนอีเมล์มาก คุณควรเรียนการเขียนอีเมล์ให้ดียิ่งขึ้น เพราะได้ฝึกในที่ทำงานทุกวัน  ถ้าเรียนสนทนาแล้วไม่ค่อยได้พูด--ก็จะเก่งได้ช้ากว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวัน
  • ถ้าคุณไม่มีพื้นฐาน ควรเลือกคอร์สที่สอนระดับพื้นฐานจริงๆ   ถ้าไม่เช่นนั้น--คุณจะเรียนในกลุ่มที่มีหลายระดับ คนที่เก่งจะพูดเยอะ และทำให้คุณอาย และไม่กล้าเวลาที่จะถึงคุณ--สุดท้ายก็จะยอมแพ้แล้วไม่มาเรียนอีกเลย--
อย่าลืมว่าคนที่เก่งกว่าคุณนั้น--เค้าเก่งเพราะเค้าเรียนและฝึกมาก่อนคุณ--ก็แค่นั้นเอง
  • คนที่ไม่มีพื้นฐานจะเยอะกว่าคนที่มี--  หลายสถาบันมักจะจับให้เรียนเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 20 กว่าคน--คอร์สแบบนี้ต้องหลีกเลี่ยง  คุณควรเข้ากลุ่มที่เล็กพอดี ที่ครูดูแลด้วยทั่วถึง  เพราะการเริ่มต้นเรียนภาษานั้นสำคัญมาก  ถ้าครูดูไม่ทั่วถึง..คุณจะไม่ได้รับประโยชน์ที่เต็มที่
  • อย่าลืมว่าสถาบันภาษาก็คือธุรกิจๆหนึ่ง  ถ้าค่าเรียนน้อย--จำนวนคนในห้องเรียนก็จะเยอะ  ค่าแรงแพงมาหน่อย--จำนวนคนเรียนก็จะน้อย  เสียเงินครั้งนึง--เราควรให้มันตอบแทนประโยชน์มากที่สุด--ไม่งั้นเก็บตังค์ ไว้แล้วไปนั่งเล่นที่บ้านดีกว่า
  • สุดท้าย--การเรียนภาษาเป็นเหมือนการออกกำลังกาย-- ต้องให้มันเป็นสิ่งๆหนึ่งในชีวิตเราให้ได้  ไม่ต้องศึกษามาก วันละนิดๆก็พอ แต่ควรฝึกกับเจ้าของภาษาแทนการฝึกดูหนังหรือฟังเพลงที่บ้าน  เพราะฝึกกับคนที่เก่ง--เราก็จะเก่งตามเค้าได้เร็วขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีการเตรียมตัวลูกในการสอบเข้าม.1 โรงเรียนชลกันยานุกูล และโรงเรียนชลราษฎรอำรุง

วิธีการเตรียมตัวลูกในการสอบเข้าม.1 โรงเรียนชลกันยานุกูล และโรงเรียนชลราษฎรอำรุง


วิธีการเตรียมตัวลูกในการสอบเข้าม.1

นั่นนะซินะ...ใกล้ถึงเวลาที่ผู้ปกครองทุกคนต่างวิตกกังวล แถมนอนไม่หลับบางที...

การสอบเข้าเรียนชั้นม.1 ของลูก...

ผู้ ปกครองห่วงการสอบเข้าครั้งนี้--ยิ่งกว่าอะไรดี บางคนเตรียมศึกษษตั้งแต่ลูกขึ้นป.5 ด้วยซ้ำไป!  ครูเมเข้าใจว่าการเข้าม.1 ในโรงเรียนที่ดีนั้นสำคัญมาก  เพราะเด็กกำลังอยู่ในช่วงสำคัญในการเรียนและการคบเพื่อน  คบเพื่อนดี และอยู่ในสังคมที่ดีจะทำให้อนาคตดียิ่งขึ้น..
เอ..แล้วจะ เตรียมตัวลูกอย่างไร?   การเตรียมตัวนั้นสำคัญ ถ้าลูกไม่เข้าใจที่ความสำคัญ ในการที่เราลากเค้าไปติวโน่นนี่ก็เหมือนกับการหาข้าวมาป้อนให้--แต่มันจะดี อะไร ถ้าเค้าไม่ "กลืน"

KruMae แนะนำวิธีการเตรียมตัวลูกในการสอบเข้าโรงเรียนชลกันยานุกูล และโรงเรียนชลราษฎรอำรุง หรือโรงเรียนชื่อดังต่างๆ ทั่วประเทศไทย

  1. วางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ   หมายถึงศึกษาโรงเรียนและออกแบบการติววิชาที่เป็นจุดอ่อนให้ลูก
  2.  รู้สาเหตุที่ทำให้ลูกอยากเข้าโรงเรียนต่างๆ เด็กมักจะอยากเข้าร.ร.ต่างๆเพราะอาจจะมีครอบครัวเป็นศิษย์เก่า หรือไม่ก็เพราะติดเพื่อน  ถ้าลูกของคุณอยู่ใน 2 กรณีนี้--และเป็นโรงเรียนที่คุณต้องการ  ให้ย้ำถึงความสำคัญบ่อยๆ
  3. ให้ลูกเรียนพิเศษเพื่อติวเข้าม. 1  แต่ก่อนลูกคุณอาจจะยังไม่เคยเรียน แต่การเรียนพิเศษนั้นให้ผลดีทั้งคุณและลูก เพราะลูกจะได้ฝึกการทำข้อสอบที่ยากกว่าในโรงเรียน รวมทั้งตัวผู้ปกครองเองจะได้รู้จักผู้ปกครองคนอื่นที่สามารถคุย ปรึกษาร่วมทั้งแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนต่างๆ
  4. เกรดของแต่ละโรงเรียนไม่มีค่าเท่ากัน หมายถึงเกรด 4 ภาษาอังกฤษของโรงเรียนนึงอาจจะไม่มีน้ำหนักเท่ากับของอีกโรงเรียนนึง  ก็เพราะข้อสอบก็ใช้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นความยากง่ายก็จะไม่เท่ากัน  ถ้าลูกคุณได้เกรด 4 แล้วอย่าคิดว่าลูกจะสอบเข้าโรงเรียนดังๆ อย่างง่ายๆ  เราต้องดูเด็กคนอื่นด้วยว่าเค้าอยู่ระดับใกล้เคียงกับลูกมั้ย
  5. หมั่นตรวจสอบลูก   ส่งลูกไปโรงเรียนกวดวิชาอย่างเดียวไม่พอ  เพราะการศึกษาที่แท้จริงนั้นอยู่ที่บ้าน  เริ่มใช้กฎในการเล่นโทรซัพท์ ไอแพด  เริ่มจำกัดชม.ในการเล่นสิ่งของแบบนี้เพื่อเอาเวลาไปทบทวนสิ่งที่เรียนมา
  6. คุยกับลูกบ่อยๆ  ถึงสาเหตุว่าทำไมการเข้าโรงเรียนที่ดีตอนม. 1 นั้นสำคัญ---ว่ากันด้วยเหตุผล อย่าบังคับลูก..พยายามให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเอง..เพราะลูกจะตั้งใจอ่าน หนังสือติวสอบมากกว่าถ้าเราบังคับเค้า--ลูกจะต่อต้านขึ้นมาทันที
KruMae เปิดการติวเข้าม.1 โรงเรียนต่างๆในชลบุรี มีวิชาเลย,อังกฤษและวิทยาศาตร์  ดูตารางเรียนได้ที่นี่  คลิกเลย!

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

ใน pantip ก็มีคนที่ติวโทอิคเองแล้วได้คะแนนกันสูงๆ--ข้อสอบโทอิค ติวเองได้มั้ย?

ใน pantip ก็มีคนที่ติวโทอิคเองแล้วได้คะแนนกันสูงๆ--

ข้อสอบโทอิค  ติวเองได้มั้ย?


ใน pantip ก็มีคนที่ติวโทอิคเองแล้วได้คะแนนกันสูงๆ--ข้อสอบโทอิค--ติวเองดีมั้ย?

เอาเป็นว่า---เริ่มจาก  ติวโทอิคเองได้มั้ย?

ครูเมตอบเลยว่า  ได้!---ก็ทำไมจะไม่ได้ละ  หนังสือโทอิคมีเต็มตลาด ทั้งวิดีโอยูทูปเป็นพันๆ ถ้าอยากติวเองก็ย่อมมีทางให้อยู่แล้ว
ปัญหามันมีอยู่ว่า.. การติวโทอิคเองนั้นก็เหมือนกับการขับรถจากบ้านตัวเองไปเชียงใหม่--โดยไม่มีสิ่งใดนำทาง  ลองผิดลองถูก
ถามว่าแล้วลองผิด ลองถูก จะทำให้เราถึงเชียงใหม่มั้ย?  คำตอบก็มี 2 กรณี  กรณีแรกคือถึงคะ  แต่ใช้เวลาหลายอาทิตย์กว่าจะหาทางที่ถูกต้อง  หรือไม่ก็ระหว่างที่ลองผิดลองถูกก็เริ่มเซ็ง---ไม่ไปละเชียงหมง เชียงใหม่ แล้วก็ล้มเลิกความตั้งใจ
ใน pantip ก็มีคนที่ติวโทอิคเองแล้วได้คะแนนกันสูงๆ--ข้อสอบโทอิค--ติวเองดีมั้ย?
แต่ถ้าใครมี GPS หรือแผนที่ๆคนอื่นวาดไว้ให้  เขาจะสามารถไปที่เชียงใหม่ภายใน 24 ชม.
สิ่งที่ครูเมจะบอกก็คือ--ได้ คุณสามารถอ่านติวโทอิคเองได้  แต่ถ้าคุณได้ติวกันคนที่ผ่านข้อสอบมาแล้ว ได้คะแนนสูงๆ และสามารถอธิบายเทคนิคพร้อมทั้งตีโจทย์ให้เรา---คุณจะเก่งได้เร็วกว่าการ เรียนเองได้แน่นนอน!  อีกทั้งคุณจะสามารถถามข้อสงสัยได้ทันที--แล้วหนังสือโทอิคในท้องตลาดให้ สิ่งๆนี้มั้ย?
ไม่ใช่แค่ติวข้อสอบ  ใครๆก็รู้ว่าข้อสอบโทอิคมันหินตรงการบริหารเวลา  ถ้าไม่มีใครมาคอยจับเวลาคุณ และแนะนำการปรับปรุงจุดอ่อนของคุณ--คุณจะทำได้เองมั้ย?
เพื่อนที่เรียนในกลุ่มก็สำคัญ--- บรรยากาศในการสอบคนเดียวกับการสอบเป็นกลุ่มนั้นต่างกันมาก---ในสถานการณ์จริง คุณจะต้องสอบกันคนอีกหลายๆคนในห้องๆนึง  คุณได้ฝึกกับความกดดันในส่วนนี้หรือยัง?

คุณรู้คะแนนโทอิคของคุณหรือยัง? 

ทำแบบทดสอบพรีโทอิคกับเรา--ฟรี (ใช้เวลา 80 นาที)  คลิกที่นี่!

ข้อสอบโทอิคนี้สำคัญ--ครู เมทราบดีที่สุดเพราะได้คุยกับนักเรียนที่ทำงานแล้ว  ต่างคนบอกว่าแทบจะไม่มีบริษัทใดที่ไม่ขอดูคะแนนนี้--เราจึงต้องออกแบบคอร์ส ให้ดีเพื่อช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมาย  อีกทั้งการคัดเลือกครูมาสอนก็สำคัญ  ครูของเราต้องได้โทอิคไม่ต่ำกว่า 950/990 นักเรียนจึงจะมั่นใจได้ว่าได้เรียนกับเซียนจริงๆ (จะให้คนที่ไม่เก่งมาสอนนักเรียนของเราให้เก่งได้อย่างไร?)
คอร์สโทอิคของเรามีทั้งกลุ่มและเดี่ยว--คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดของรอบเวลาเรียน

สาเหตุที่เราใช้เวลาคิดนาน--ก่อนที่จะพูดอังกฤษ และวิธีแก้ไข

สาเหตุที่คุณใช้เวลาคิดนาน--ก่อนที่จะพูดอังกฤษ และวิธีแก้ไข

สาเหตุที่คุณใช้เวลาคิดนาน--ก่อนที่จะพูดอังกฤษ และวิธีแก้ไข
ใครถามเป็นภาษาอังกฤษกะคุณ...
คุณก็คิด...คิดอยู่นั่นแหละ....                        ผ่านไป 5 นาที....
โอเคพร้อมตอบละ!  คนถามหายหัวไปไหนแล้ว???
ก็เพราะสถานการณ์จริง--ใครจะมีเวลารอนานขนาดนั้น  ถามปุ๊ปต้องตอบปั๊ป!

สาเหตุที่คุณใช้เวลาคิดคำตอบที่นานมากกกส์--จะเป็นหนึ่งหรือทุกข้อของดังต่อไปนี้!

  • ตื่นเต้น  ไม่ได้ฟังคำถาม หรือไม่ก็ฟังไม่ออก แทนที่จะถามใหม่ เช่น Can you repeat that again? ก็นั่งเดาคำถามอยู่
  • คิดคำตอบไม่ออก   โห..ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ก็บอกเค้าไปเถอะ  ความเงียบมันทำให้คนอื่น (รวมทั้งตัวเรา) อึดอัดนะ
  • นั่งแปลไทยเป็นอังกฤษอยู่--ถ้า ยังไม่เก่ง..ก็ควรฝึกทำ  แต่ในช่วงที่กำลังแปลควรพูดคำออกมาบ้าง ไม่ใช่ต้องเรียงให้ perfect 100% ก่อนจะหลุดออกจากปาก  เช่น ถ้าถามว่า Where are you going?  กำลังเรียบเรียงอยู่ก็ตอบว่า  I ....am....going....to ....school.  แทนที่จะรอ 5 นาทีแล้วตอบเต็มประโยค
  • นั่งท่องกริยา 3 ช่องอยู่    ในการสนทนาแกรมม่าไม่ต้องเป๊ะเวอร์ขนาดนั้น  ถ้าเราใช้กริยาช่องผิด แต่เราเติมพวก yesterday, tomorrow อะไรพวกนี้ลง  คนฟังก็ยังสามารถเข้าใจเราได้
  • กลัวพูดผิด    พูดผิดก็พูดใหม่--ดีกว่าพูดไม่เป็นเลยนะจ้ะ
  • นึกคำศัพท์ไม่ออก   ก็ใช้คำที่คุณรู้แล้วพยายามอธิบายเอา  เพราะไอ้คำที่เราไม่รู้อะ  คือต่ออีกสิบนาทีก็ยังคิดไม่ออก  จะเปิดพจนานุกรมด้วยมั้ย?
  • อายเค้า   อายใคร?  คนถามเค้าอยากรู้คำตอบ มัวแต่อายๆอยู่แล้วจะได้คำตอบมั้ย?
ใช้เวลาคิดช้าหน่อยไม่เป็นไร--แต่คุณควรเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพูดอังกฤษมากขึ้น--และต้องสะสมคำศัพท์ให้เยอะ เพราะยิ่งรู้คำศัพท์มาก ยิ่งพูดได้ดีขึ้นและเข้าใจคำถามได้มากขึ้น!!  ไม่ว่าจะงานใหม่หรื่อเรียนที่สถาบันต่างๆ  สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อ--ไม่ใช้บ่อยๆก็มีสิทธิ์หมดได้นะ