FMCP Students!

FMCP Students!
No one is too old to learn English!

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

5 วีธีในการเตรียมตัวเตรียมใจ---เพื่อสมัครงานใหม่ในปี 2558

5 วีธีในการเตรียมตัวเตรียมใจ---เพื่อสมัครงานใหม่ในปี 2558

วีธีเตรียมตัวเอง---เพื่อสมัครงานใหม่
ช่วง 2-3 เดือนนี้--ก่อนสิ้นปี  หลายๆคนกำลังเตรียมตัวสมัครงานใหม่หลังจากตัวเองได้รับโบนัส  ซึ่งครูเมว่าไม่ผิดอะไร  เพราะบริษัทก็สร้างกฎของโบนัสเพื่อให้เราได้อยู่ได้นานที่สุดเหมือนกัน  โดยเฉพาะการที่เราทำงานที่ใหม่จะทำให้เราได้รับความท้าทายในหน้าที่การงาน การวางตัวในสังคม และบังคับให้ตัวเองพัฒนาทักษะที่มีอยู่ ไม่ให้น้อยหน้าใคร--
ช่วงเวลานี้จึงสำคัญกับการเตรียมตัว เตรียมทักษะของตัวเอง..พอปีใหม่เข้ามา..เราจะได้สมัคร และได้งานก่อนคนอื่นที่พึ่งมาเตรียมตัวตอนที่งานดีๆถูกเอาไปหมดแล้ว..

ครูเมมีวิธีเตรียมตัวเองให้ทุกคนฝึกใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางานที่ดีและเงินเดือนที่สูงขึ้น

  1. ปัดฝุ่นเรซูเม่ของตัวเอง    แต่งเติมเรซูเม่ให้ดี  เพิ่มข้อมูลปัจจุบัน  หมั่นเปรียบเทียบสไตล์การเขียนของตัวเองและคนอื่น  และถ้าสามารถเพิ่ม Reference บุคคลอ้างอิงคุณสมบัติของเราได้--จะยิ่งดียิ่งขึ้น
  2. ออกจากงานโดยดี--  หมายถึงว่าเมื่อถึงเวลาออกจากงานเก่า..ให้ออกโดยดี  ไม่ใช่ออกแบบที่นายเก่าต้องสวดมนต์ภาวนาขอให้ชาตินี้ไม่เจอกันอีก  เพราะยิ่งเราสมัครตำแหน่งที่สูงขึ้น  ยิ่งต้องระวังเรื่องนี้ เพราะวงการธุรกิจนั้นค่อนข้างเล็ก  ถ้าบริษัทใหม่โทรถามนายเก่าเรื่องของเรา--แล้วนายเก่ามีแต่เรื่องไม่ดีๆ เล่าให้ฟัง  บริษัทไหนจะอยากจ้างเรา?
  3. ถ้ายังไม่มีคะแนนโทอิค  เวลานี้เป็นโอกาสดีที่เราจะปัดฝุ่นทักษะทางภาษาอังกฤษของเรา และลงคอร์สติวโทอิค เพราะยิ่งเราออกจากงานบ่อยๆ เราจะยิ่งเจอความต้องการในคะแนนโทอิคมากยิ่งขึ้น รวมทั้งคู่แข่งก็มักจะมีมากขึ้น เราจึงต้องพัฒนาตัวเองให้ทักษะภาษาอังกฤษทั้งสี่ทักษะ--ดีกว่าปัจจุบัน  รวมทั้งเป็นตัวอย่างให้ลูกหลานเข้าใจว่าภาษาอังกฤษสำคัญขนาดไหน--
  4. Networking เยอะๆ   นั่นคือการมีติดต่อกับเพื่อนๆในคณะที่เราจบมา หรือเพื่อนๆที่ทำงานเก่า เผื่อจะมีคนรู้จักในบริษัทใหม่ที่เราอยากเข้าไปทำ  เพราะการที่เราได้มีคนรู้จักในบริษัทนั้นๆ จะช่วยให่เราได้งานในบริษัทนั้นง่ายขึ้น
  5. ทำความสะอาดเฟสบุ้ค Social Media ของตัวเอง  บางครั้ง HR จะเข้าเฟสเพื่อไปดูว่าเราเป็นคนแบบไหน..  เพราะอย่างนี้เราไม่ควรโพสต์รูปที่ไม่ดี หรือลงคำพูดที่ไม่สุภาพ--เพราะถึงแม้ว่าเรื่องเฟสเป็นเรื่องส่วนตัว  ก็ไม่มีบริษัทไหนอยากให้คนที่ดูไม่โอเคเข้ามาทำงานในบริษัท โดยเฉพาะในตำแหน่งสูงๆ  หากยังอยากลงภาพ และคำพูดที่ไม่สุภาพ ก็ควรลง Privacy Setting ให้เป็นไพรเวท--คนอื่นก็จะหาไม่เจอ

นั่นคือ 5 ข้อที่ครูเมฝากไว้ในวันนี้--โดยเฉพาะเรื่องภาษา--

เราจึงต้องเตรียมตัวตั้งแต่เเรก-- ไม่ใช่ว่าพอจะต้องใช้ก็รีบมาเรียน--มันจะไม่มีทันใช้นะ

รับตรงโดยคณะฯ (วิธีรับตรงพิเศษ) หลักสูตรแพทยศาสตร์ 2558 ต้องยื่นคะแนน IELTS/TOEFL!

รับตรงโดยคณะฯ (วิธีรับตรงพิเศษ) หลักสูตรแพทยศาสตร 2558 ต้องยื่นคะแนน IELTS/TOEFL!

520doctors20for20web
นักเรียนสายวิทย์ เหงื่อตกกันเป็นแถว... เพราะสมัยนี้ เก่งเลขกับวิทย์--ไม่พอซะแล้ว!
เพื่อตอบรับการเปิดประเทศในปี 2558 อีก 4 เดือนข้างหน้า--คณะ แพทย์ของมหาลัยดังๆ เช่นมหิดล (รับตรงโดยคณะฯ (วิธีรับตรงพิเศษ) หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปีการศึกษา 2558)
  และเชียงใหมดังนี้..
5.2 กลุ่มเรียนดี-อังกฤษ (รับ 20 คน)
ต้องเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นทางภาษาอังกฤษ โดยแสดงหลักฐานผลการสอบความรู้ความสามารถ ทางภาษาอังกฤษอย่างใดอย่างหนึ่งที่สอบภายใน 2 ปี ดังนี้
5.2.1 ได้คะแนนสอบ Cambridge ESOL ผ่านระดับ B2 ขึ้นไป หรือ
5.2.2 ได้คะแนนสอบ CMU-eTEG มากกว่าหรือเท่ากับ 75 หรือ
5.2.3 ได้คะแนนสอบ TOEFL paper มากกว่าหรือเท่ากับ 530 หรือ
5.2.4 ได้คะแนนสอบ TOEFL CBT มากกว่าหรือเท่ากับ 160 หรือ
5.2.5 ได้คะแนนสอบ TOEFL iBT มากกว่าหรือเท่ากับ 75 หรือ
5.2.6 ได้คะแนนสอบ TOEIC มากกว่าหรือเท่ากับ 650 หรือ
5.2.7 ได้คะแนนสอบ IELTS มากกว่าหรือเท่ากับ 6.5 หรือ
5.2.8 ได้คะแนนสอบ CU-TEP มากกว่าหรือเท่ากับ 75
คะแนน IELTS / TOEFL นั้นปกติจะใช้ยื่นกับมหาลัยต่างประเทศ เพราะมันคือข้อสอบวัดทักษะทั้ง 4 ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน  มหาลัยต่างแดนจะเอาคะแนนนี้มาตัดสินว่านักเรียนจะสามารถเรียนที่มหาลัย และเข้าใจการเรียนมั้ย  รวมทั้งจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศนั้นมั้ย--คะแนนนี้จึงต้องสอบให่ได้ สูงๆ เพราะมันสำคัญมาก..
ในวันนี้--ไม่ต้องไปเรียนต่างประเทศก็ยังจะต้องใช้ข้อสอบตัวนี้ 
ภาษาอังกฤษเป็นวิชาทักษะ--นั่นคือ ต้องมาเรียน มาเจอบ่อยๆถึงจะเก่งได้  เทคนิคทั้งหลายไม่ได้ผลถ้าพื้นฐานไม่มี
ใครที่พื้นฐานยังไม่แน่น--ครูเมแนะนำให้ลงเรียนคอร์ส FMCP English UNLIMITED--คอร์ สรายเดือนที่เรียนได้ไม่จำกัดชม.  เราเข้าใจว่านักเรียนต้องติวหลายวิชา--จึงออกแบบคอร์สให้ได้หลากหลายเวลา เพื่อความสะดวกในการเรียนภาษาอังกฤษ
Everyday English Course







คอร์สภาษาวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ อยู่ในระดับพื้นฐาน : เหมาะกับนักเรียนที่มีพื้นฐานทางภาษาอังกฤษน้อย และจะดำเนินการสอนโดยครูคนไทย
คอร์สวันอังคาร-พฤหัส-เสาร์ อยู่ในระดับทั่วไป :  เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีพื้นฐานการเรียนภาษาอยู่บ้าง และต้องการฝึกความชำนาญให้มากขึ้น ดำเนินการสอนโดยครูต่างชาติ

Talkin’ English:  คอร์สสนทนานี้เป็นคอร์สที่ HOT ที่สุด เพราะนักเรียนได้มาฝึกพูด/ฟังภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาอย่างไม่อั้น  นักเรียนที่เรียนคอร์สนี้ควรมีพื้นฐานการเรียนสนทนามาบ้าง หรือไม่ก็ผ่านคอร์สนทนาปรับพื้นฐานมาแล้ว  หัวข้อไม่ซ้ำ  Teacher หมุนเวียนกันมาสอน–ฝึกสำเนียงหลายๆแบบ  รวมทั้งฝึกการออกเสียง Pronunciation อีกด้วย!
Grammar Gurus:  ใครห่างเหินแกรมม่ามานาน  เขียนผิดๆถูก ตกๆหล่นๆ ไม่ควรพลาด  คอร์สนี้จะเรียนเพื่อเขียน—ใช่แล้ว มีแถม Writing ไปในตัว เพราะการเรียนแกรมม่าในครั้งนี้ เราจะต้องเขียนได้ ไม่ใช่เลือกข้อที่ถูกต้องได้อย่างเดียว  เหมาะสำหรับนักเรียน/นักศึกษาและบุคคลทั่วไป–ดำเนินการสอนโดยครูคนไทย
VOCAB Mastery หัวใจของภาษาอังกฤษคือ คำศัพท์   คอร์สนี้ไม่ใช่มานั่งๆท่องคำศัพท์นะ…แต่เป็นการเรียนคำศัพท์โดยระยะยาว  เราจะเน้นความเข้าใจในการใช้คำศัพท์ในประโยค เพราะเราเองก็รู้ว่าคำศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นดิ้นได้เมื่ออยู่ในตำแหน่งต่างๆใน ประโยค  เราจึงควรเรียนรู้การใช้คำศัพท์ ไม่ใช่การนั่งท่องคำศัพท์แบบเด็กๆ
Reading Comp. :  ทักษะการอ่านจับใจความนั้น—มันสำคัญขนาดออกโรงเรียนชอบเอามาออกข้อสอบ ตั้งแต่เราจำความได้..จนกระทั่งสอบโทและโทอิค—สำคัญขนาดนี้..แล้วจะหนีมัน ทำไม?  เรียนเทคนิคการทำข้อสอบพวกนี้ ฝึกการจับใจความและการจับเวลาในการทำข้อสอบการอ่าน–แล้ว Reading จะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป!

FMCP  Unlimited English Course  เหมาะสำหรับคนที่..

  • เข้าใจว่าภาษาอังกฤษสำคัญ และอยากเรียนเป็นระยะยาว
  • ไม่มีพื้นฐานในการสอบ TOEIC, IELTS, TOEFL (คุ้มมาก..เพราะ FMCP Unlimited English Course เปิดติวทุกด้านของข้อสอบพวกนี้–แล้วพอพื้นฐานดีขึ้นค่อยมาติวการทำข้อสอบแต่ละประเภทกับเรา!)  ใครอยากได้โทอิค 600-700 ควรลงเรียน!
  • ตารางงานไม่คงที่  เดินทางบ่อย
  • เตรียมตัวไปเรียนต่างประเทศ  หรือเตรียมตัวสอบชิงทุนไปต่างประเทศ
  • นักเรียน-บุคคลทั่วไปที่อยากเป็นส่วนในการเปิดประเทศสู่อาเซี่ยน

คุณรู้คะแนนโทอิคของคุณหรือยัง? 

ทำแบบทดสอบพรีโทอิคกับเรา--ฟรี (ใช้เวลา 80 นาที)  คลิกที่นี่!

คำถามที่เจอบ่อยเกี่่ยวกับ FMCP  Unlimited English Course 

  • เดือนนึงเรียนได้กี่ชม.  
ใน สัปดาห์นึง เราเปิดสอน 18 ชม. ตั้งแต่วันจันทร์-เสาร์  จำนวนชม.เรียนขึ้นอยู่กับคุณ ว่าคุณสะดวกวันไหน กี่ชม.อย่างไร หรือสนใจคอร์สไหนเป็นพิเศษ  เราจัดตารางให้ง่ายต่อการเรียนหลายทักษะ รวมทั้งสามารถเรียนซ้ำในอีกวันหากยังไม่เข้าใจ
  • ใครควรลงคอร์ส FMCP Unlimited English Course
นัก เรียน นักศึกษาและบุคคลทั่วไปสามารถลงคอร์สรายเดือนนี้  โดยเฉพาะถ้ามีแผนการในการสอบโทอิค SAT, TOEFL, IELTS รวมถึงสอบชิงทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพราะ FMCP Unlimited English Course สอนเฉพาะคอร์สที่ต้องใช้งานจริงๆ
  • ในหนึ่งอาทิตย์เนื้อหาเป็นอย่างไร
ใน ระดับพื้นฐาน (จันทร์-พุธ-ศุกร์) เนื้อหาของแต่ละคอร์สจะเหมือนกันของอาทิตย์นั้นๆ นักเรียนสามารถเลือกเข้ารอบที่สะดวก รวมทั้งสามารถกลัมมาเรียนเนื้อหาเดิมถ้ายังไม่เข้าใจ   ส่วนในระดับทั่วไป เนื้อหาก็จะต่างจากระดับพื้นฐาน  แต่ในทั้งสามวัน (อังคาร-พฤหัส-เสาร์) ก็จะเหมือนกัน
  • ถ้าลงระดับพื้นฐาน ก็ต้องเรียนแค่ระดับพื้นฐานใช่มั้ย
ไม่ จำเป็นคะ  ครูเมแนะนำให้เราลงรอบพื้นฐานหลักๆ แต่ควรเข้าระดับทั่วไปด้วยเพื่อความท้าทาย  เทื่อเราชำระค่าเรียนรายเดือนของคอร์ส FMCP Unlimited English Course  แล้ว  เราจะสามารถเข้ารอบไป ระดับไหน เวลาไหนก็ได้–แล้วแต่เรา!
  • ต้องซื้อหนังสือมั้ย
คอร์สวิชาจะเป็นชีท เพื่อความหลากหลายของเนื้อหาที่เรียน ซึ่งเอกสารการเรียนจะรวมในค่าเรียนรายเดือนอยู่แล้ว
  • Teacher ที่สอนเป็นครูไทยหรือครูต่างชาติ
ใน ระดับพื้นฐานจะมีครูไทยสอน  แต่ในระดับทั่วไป เราจะให้ครูต่างชาติสอน ซึ่งครูต่างชาติจะหมุนเวียนมาสอนเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการฟังหลากหลาย สำเนียง
  • จำนวนนักเรียนต่อห้อง—มีกี่คน
เรารับแค่ 16 คนต่อรอบเท่านั้น!
  • ราคาจะอยู่ที่ 3,900 บาทไปทุกเดือนใช่มั้ย
ในเดือนกันยายน 2014 จะเป็นการเปิดตัวของคอร์ส FMCP Unlimited English Course นักเรียนที่สมัครรอบเดือนกันยานี้จะได้ราคาพืเศษ 3,900 บาทไปจนกว่าจะหยุดเรียน  นักเรียนที่มาสมัครในเดือนถัดไปจะชำระเป็นราคาเต็ม 4,900 บาท
  • ต้องรอเดือนใหม่เปิดถึงจะสมัครใช่มั้ย
ไม่จำเป็นคะ  พร้อมจะเรียนกลางเดือนก็สมัครได้ เราจะคิดเป็นรายอาทิตย์ที่เรียน
  • สามารถสมัครเรียนได้อย่างไร
กรุณา โอนค่าเรียนมาที่ธนาคารกรุงศรี 631-1-15450-0 ชลกาญจน์ ปึงวิริยะรัตน์ แล้วถ่ายรูปสลิปเข้ามาที่ SMS 082-471-0226 หรือไลน์ LINE ID:maemew พร้อมกับชื่อ-นามสกุล
FMCP Unlimited English Course เป็นคอร์สรายเดือน–ชำระค่าเรียนทีละเดือน..เดือนไหนไม่ว่าง–ไม่เป็นไร  ไปทำธุระแล้วกลับมาเรียนใหม่ได้เลย!
ค่าเรียน:  เดือนละ 3,900 บาท

สมัครเรียนวันนี้—เริ่มเรียนได้เลย! 
ติดต่อครูเมได้ที่ 082-471-0226  LINE ID: maemew

เรียนพิเศษภาษาอังกฤษชลบุรีช่วงเดือนตุลาคม---เรียนอะไรดี?

เรียนพิเศษภาษาอังกฤษช่วงเดือนตุลาคม---เรียนอะไรดี?

AsianParentChild1
ในเมื่อคุณได้อ่านบทความนี้ เมรู้เลยว่าคุณคือผู้ปกครองสมัยใหม่--ที่เข้าใจความสำคัญของภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษ--เป็นทักษะที่ต้องสะสม  และเป็นทักษะที่จะช่วยน้องให้ได้งานดีๆ บริษัทใหญ่ๆ รวมถึงเงินเดือนกองโต--
พอจบการศึกษาเทอมหนึ่ง--ในช่วงตุลา  ผู้ปกครองมักจะถามเมขอคำปรึกษาว่าน้องควรเรียนคอร์สไหน---

ถ้าน้องอยู่ชั้น ป.3-6

เม แนะนำให้เรียน Reading  เพราะตามปกติที่โรงเรียน ครูภาษาอังกฤษจะสอนเน้นแกรมม่า แต่ไม่ค่อยให้ฝึกอ่านทั้งๆที่ Reading --หรือการอ่านจับใจความนั้นใช้ออกสอบทุกข้อสอบ--ในเมื่อนักเรียนของเมส่วน มากจะเป็นคนทำงาน--เมได้เห็นปัญหาจากการที่ไม่ได้ฝึก Reading ตั้งแต่เด็ก--เพราะอย่างงั้นการสอบตอนเป็นผู้ใหญ่ก็จะทำได้ยากขึ้น
คอร์สตุลาคมของเมจะเริ่มในวันที่ 6 ตุลาคม 2557  ตามตารางดังนี้
เรียนพิเศษภาษาอังกฤษช่วงเดือนตุลาคม---เรียนอะไรดี?

คอร์สตุลาคม เปิดรับสมัครแล้ว  ใครสนใจติดต่อครูต้นได้ที่ 086-712-7085

ถ้าน้องอยู่ชั้น ม.1-นักศึกษา

เม แนะนำให้ลงคอร์ส UNLIMITED ENGLISH --คอร์สรายเดือนที่น้องจะสามารถฝึกทุกทักษะแบบไม่จำกัดชม.  รวมทั้งปูพื้นฐานในการสอบ TOEIC, TOEFL, หรือ IELTS รวมทั้งข้อสอบภาษาอังกฤษต่างๆที่ทุกคนต้องเจอ
ตามตารางนี้--นักเรียนจะสามารถเลือกเรียนวันใดก็ได้--แล้วแต่แพ็คเก็จที่ซื้อไว้  อ่านรายละเอียดค่าใช้จ่าย และคลาสได้ที่นี่  คลิกเลย!
IELTS/TOEIC/TOEFL ชลบุรีเมื่อน้องได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษมากเท่าใด..เมื่อถึงเวลาจริง..น้องจะมัความมั่นใจในการใช้มากขึ้น!  โทรปรึกษาเมได้ที่ 082-471-0226

เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น--และจำได้นานกว่าเดิมเพื่อใช้ในข้อสอบ TOEIC, IELTS, TOEFL และที่ทำงาน

เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น--และจำได้นานกว่าเดิม

words vocabulary

คำศัพท์---คือหัวใจของทุกภาษา---โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ

ถ้าไม่เก่งคำศัพท์  ก็มักจะ
  • ฟังไม่รู้เรื่อง ---เอ  เค้าพูดคำอะไรแปลกๆ  ไม่รู้จัก
  • พูดไม่ได้--นึกคำไม่ออก
  • เขียนไม่เก่ง ---นึกคำไม่ออกเหมือนกัน
  • อ่านไม่รู้เรื่อง ---ไม่รู้ความหมายคำศัพท์
KruMae มีวิธีเทคนิคในการจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ในระยะยาว---ไม่ได้พูดถึงการนั่ง ท่องคำศัพท์นะ--เพราะวิธีนี้จะแนะนำหากกำลังเตรียมสอบ  แต่ต้องเข้าใจว่าการจำแบบท่องๆ จะถูกเก็บไว้ในความจำชั่วคราว---เดี๊ยวก็ลืม
การจำคำศัพท์ในระยะยาวนั้น--ต้องใช้ทักษะอื่นๆมาควบคู่กัน  ฝึกเทคนิคพวกนี้ แล้วครูเมการันตีว่าเราจะจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น และนานขึ้นแน่นอน! ยกตัวอย่างนะ  คำศัพท์ใหม่ของครูคือ CORRECT   
  • ครูจะหารูปแบบอื่นของคำว่า CORRECT  ถ้าเป็น adv. = correctly, adj.=correct, verb.=correct, noun=correction  (ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้ง 4 ตัว)
  • หาความหมายของคำว่า CORRECT ซึ่งแปลว่า ถูก, ถูกต้อง
  • ครูจะหาตัวอย่างการใช้ของแต่ละแบบ  เช่น
Adv.=  I do math correctly.
Adj.=  The math problem is correct.
Verb= The teacher corrects my paper.
Noun= The teacher talked to me about the correction on my paper.
  • ครูเมจะลองแต่งประโยคเอง..โดยใช้คำศัพท์ที่รู้---หลาย คนชอบแต่งเกินความรู้ตัวเอง--ทำให้การแต่งประโยคมันยากเวอร์  อย่าลืมว่าจุดประสงค์ของการเขียนประโยคในครั้งนี้ คือการฝึกใช้คำ CORRECT ในตำแหน่งต่างๆ เพื่อตรงกับความหมาย!
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น--และจำได้นานกว่าเดิม
  • สุดท้าย---แค่เห็นรูปคำศัพท์ไม่พอ--ควรเปิดเน็ทฟังการออกเสียงคำๆนั้น-- แล้วออกเสียงตามให้ใกล้เคียงที่สุด
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น--และจำได้นานกว่าเดิม

แม้ อาจจะดูว่ามันมีหลายขั้นตอน--แต่วิธีดังกล่าวจะช่วยให้เราจำคำศัพท์นี้ไปอีก นาน--แถมรู้จักการใช้อีกต่างหาก  การเขียนประโยคของเราก็ดีขึ้น รวมทั้งสามารถเข้าใจ และออกเสียงคำๆนั้นได้ถูกต้อง!!!

ฝึกวันละ 5 คำ--ก็เก่งได้!

To, for และ of ความแตกต่างและการใช้ที่ถูกต้อง

To, for และ of ความแตกต่างและการใช้ที่ถูกต้อง


To, for และ of ความแตกต่างและการใช้ที่ถูกต้อง
ความละเอียดในภาษาเป็นตัวที่ทำให้เราเก่งขึ้น!  มาเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างการใช้  OF:TO:FOR ที่ทุกคนชอบใช้ผิดบ่อยมากกกส์

หลักการใช้ of

Of : ใช้ในความหมายว่า "ของ"
เช่น  The first page of the book describes the author’s profile.
หน้าแรกของหนังสือเล่มนี้อธิบายประวัติของผู้เขียน
Of:  ใช้บอกจำนวน
เช่น  I drank three cups of milk.
ชั้นดื่มน้ำสามแก้ว

หลักการใช้ to

To:  ใช้บอกสถานที่
เช่น   All of us went to the movie theater.
เราทุกคนไปโรงหนัง
To:  ใช้บอกขีดจำกัด
เช่น  The snow was piled up to the roof.
หิมะถูกกองถึงหลังคา
To:  ใช้บอกความสัมพันธ์
เช่น  My answer to your question is in this envelop.
คำตอบของชั้นถึงคำถามของคุณอยู่ในซองจดหมายนี้
To:  ใช้บอกระยะเวลา
เช่น  I work nine to six, Monday to Friday.
ชั้นทำงานเก้าโมงถึงหกโมง จันทร์ถึงศุกร์

หลักการใช้ for

For:  ใช้บอกการใช้งาน
เช่น  I baked a cake for your birthday.
ชั้นอบเค้กเพื่อวันเกิดของเธอ
For:  แปลว่า "สำหรับ"

เข่น  We feel deeply sorry for your loss.
เรารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสูญเสียของคุณ

การเลือกคอร์สภาษา--ดูที่ราคาหรือคุณภาพ?

การเลือกคอร์สภาษา--ดูที่ราคาหรือคุณภาพ?


การเลือกคอร์สภาษา--ดูที่ราคาหรือคุณภาพ?
สถาบัน สอนภาษามีมากมาย--ซึ่งมีทั้งครูและหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้นักเรียนได้มีการ พัฒนาทักษะทางภาษาอย่างต่อเนื่อง  ถ้าคุณเป็นน้องใหม่ในการเรียนภาษาอังกฤษ--ไม่เคยได้เรียนภาษาอังกฤษจริงจัง แตมีแรงสู้ในครั้งนี้เพื่ออยากที่จะได้โอกาสในการงานและการเรียนมาก ขึ้น--คุณต้องเลือกสถาบันและคอร์สภาษาที่แรกให้ดี--เพราะสถาบันนั้นจะมีผล กระทบต่อการเรียนภาษาของคุณไปในอนาคต

เจ้าของบริษัท,ระดับผู้จัดการและหัวหน้างานมักจะเลือกเรียนเดี่ยว--

เพราะ ทำไม? เพราะนั่นคือการเรียนที่จะได้คุณภาพที่สูงที่สุด และจะสามารถพัฒนาภาษาได้เร็วมาก  ใช่--ราคาค่าเรียนของคอร์สเดี่ยวจะค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่ม  แต่สำหรับเขาพวกนี้ คุณภาพของการเรียน--มันตีเป็นราคาไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามันมีค่ามากมาย และเขายอมสละเงินตรงนี้เพื่อให้ได้ทักษะที่จะติดตัวเค้าไปในระยะยาว...
ถ้าราคามันเจ็บปวดหัวใจ.. คุณควรดูที่กลุ่ม  แต่ควรระวังว่า--ถ้าพื้นฐานยังไม่ดี เราควรศึกษาทั้งหลักสูตร จำนวนผู้เรียน และ ครูผู้สอน(ถ้าเป็นไปได้) ก่อนตัดสินใจ  KruMae มีข้อดังกล่าวให้เราพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ
  • ตอนนี้คุณใช้ทักษะใด--ปรับปรุงทักษะนั้น   หมายถึงถ้าคุณใช้การเขียนอีเมล์มาก คุณควรเรียนการเขียนอีเมล์ให้ดียิ่งขึ้น เพราะได้ฝึกในที่ทำงานทุกวัน  ถ้าเรียนสนทนาแล้วไม่ค่อยได้พูด--ก็จะเก่งได้ช้ากว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวัน
  • ถ้าคุณไม่มีพื้นฐาน ควรเลือกคอร์สที่สอนระดับพื้นฐานจริงๆ   ถ้าไม่เช่นนั้น--คุณจะเรียนในกลุ่มที่มีหลายระดับ คนที่เก่งจะพูดเยอะ และทำให้คุณอาย และไม่กล้าเวลาที่จะถึงคุณ--สุดท้ายก็จะยอมแพ้แล้วไม่มาเรียนอีกเลย--
อย่าลืมว่าคนที่เก่งกว่าคุณนั้น--เค้าเก่งเพราะเค้าเรียนและฝึกมาก่อนคุณ--ก็แค่นั้นเอง
  • คนที่ไม่มีพื้นฐานจะเยอะกว่าคนที่มี--  หลายสถาบันมักจะจับให้เรียนเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 20 กว่าคน--คอร์สแบบนี้ต้องหลีกเลี่ยง  คุณควรเข้ากลุ่มที่เล็กพอดี ที่ครูดูแลด้วยทั่วถึง  เพราะการเริ่มต้นเรียนภาษานั้นสำคัญมาก  ถ้าครูดูไม่ทั่วถึง..คุณจะไม่ได้รับประโยชน์ที่เต็มที่
  • อย่าลืมว่าสถาบันภาษาก็คือธุรกิจๆหนึ่ง  ถ้าค่าเรียนน้อย--จำนวนคนในห้องเรียนก็จะเยอะ  ค่าแรงแพงมาหน่อย--จำนวนคนเรียนก็จะน้อย  เสียเงินครั้งนึง--เราควรให้มันตอบแทนประโยชน์มากที่สุด--ไม่งั้นเก็บตังค์ ไว้แล้วไปนั่งเล่นที่บ้านดีกว่า
  • สุดท้าย--การเรียนภาษาเป็นเหมือนการออกกำลังกาย-- ต้องให้มันเป็นสิ่งๆหนึ่งในชีวิตเราให้ได้  ไม่ต้องศึกษามาก วันละนิดๆก็พอ แต่ควรฝึกกับเจ้าของภาษาแทนการฝึกดูหนังหรือฟังเพลงที่บ้าน  เพราะฝึกกับคนที่เก่ง--เราก็จะเก่งตามเค้าได้เร็วขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีการเตรียมตัวลูกในการสอบเข้าม.1 โรงเรียนชลกันยานุกูล และโรงเรียนชลราษฎรอำรุง

วิธีการเตรียมตัวลูกในการสอบเข้าม.1 โรงเรียนชลกันยานุกูล และโรงเรียนชลราษฎรอำรุง


วิธีการเตรียมตัวลูกในการสอบเข้าม.1

นั่นนะซินะ...ใกล้ถึงเวลาที่ผู้ปกครองทุกคนต่างวิตกกังวล แถมนอนไม่หลับบางที...

การสอบเข้าเรียนชั้นม.1 ของลูก...

ผู้ ปกครองห่วงการสอบเข้าครั้งนี้--ยิ่งกว่าอะไรดี บางคนเตรียมศึกษษตั้งแต่ลูกขึ้นป.5 ด้วยซ้ำไป!  ครูเมเข้าใจว่าการเข้าม.1 ในโรงเรียนที่ดีนั้นสำคัญมาก  เพราะเด็กกำลังอยู่ในช่วงสำคัญในการเรียนและการคบเพื่อน  คบเพื่อนดี และอยู่ในสังคมที่ดีจะทำให้อนาคตดียิ่งขึ้น..
เอ..แล้วจะ เตรียมตัวลูกอย่างไร?   การเตรียมตัวนั้นสำคัญ ถ้าลูกไม่เข้าใจที่ความสำคัญ ในการที่เราลากเค้าไปติวโน่นนี่ก็เหมือนกับการหาข้าวมาป้อนให้--แต่มันจะดี อะไร ถ้าเค้าไม่ "กลืน"

KruMae แนะนำวิธีการเตรียมตัวลูกในการสอบเข้าโรงเรียนชลกันยานุกูล และโรงเรียนชลราษฎรอำรุง หรือโรงเรียนชื่อดังต่างๆ ทั่วประเทศไทย

  1. วางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ   หมายถึงศึกษาโรงเรียนและออกแบบการติววิชาที่เป็นจุดอ่อนให้ลูก
  2.  รู้สาเหตุที่ทำให้ลูกอยากเข้าโรงเรียนต่างๆ เด็กมักจะอยากเข้าร.ร.ต่างๆเพราะอาจจะมีครอบครัวเป็นศิษย์เก่า หรือไม่ก็เพราะติดเพื่อน  ถ้าลูกของคุณอยู่ใน 2 กรณีนี้--และเป็นโรงเรียนที่คุณต้องการ  ให้ย้ำถึงความสำคัญบ่อยๆ
  3. ให้ลูกเรียนพิเศษเพื่อติวเข้าม. 1  แต่ก่อนลูกคุณอาจจะยังไม่เคยเรียน แต่การเรียนพิเศษนั้นให้ผลดีทั้งคุณและลูก เพราะลูกจะได้ฝึกการทำข้อสอบที่ยากกว่าในโรงเรียน รวมทั้งตัวผู้ปกครองเองจะได้รู้จักผู้ปกครองคนอื่นที่สามารถคุย ปรึกษาร่วมทั้งแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนต่างๆ
  4. เกรดของแต่ละโรงเรียนไม่มีค่าเท่ากัน หมายถึงเกรด 4 ภาษาอังกฤษของโรงเรียนนึงอาจจะไม่มีน้ำหนักเท่ากับของอีกโรงเรียนนึง  ก็เพราะข้อสอบก็ใช้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นความยากง่ายก็จะไม่เท่ากัน  ถ้าลูกคุณได้เกรด 4 แล้วอย่าคิดว่าลูกจะสอบเข้าโรงเรียนดังๆ อย่างง่ายๆ  เราต้องดูเด็กคนอื่นด้วยว่าเค้าอยู่ระดับใกล้เคียงกับลูกมั้ย
  5. หมั่นตรวจสอบลูก   ส่งลูกไปโรงเรียนกวดวิชาอย่างเดียวไม่พอ  เพราะการศึกษาที่แท้จริงนั้นอยู่ที่บ้าน  เริ่มใช้กฎในการเล่นโทรซัพท์ ไอแพด  เริ่มจำกัดชม.ในการเล่นสิ่งของแบบนี้เพื่อเอาเวลาไปทบทวนสิ่งที่เรียนมา
  6. คุยกับลูกบ่อยๆ  ถึงสาเหตุว่าทำไมการเข้าโรงเรียนที่ดีตอนม. 1 นั้นสำคัญ---ว่ากันด้วยเหตุผล อย่าบังคับลูก..พยายามให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเอง..เพราะลูกจะตั้งใจอ่าน หนังสือติวสอบมากกว่าถ้าเราบังคับเค้า--ลูกจะต่อต้านขึ้นมาทันที
KruMae เปิดการติวเข้าม.1 โรงเรียนต่างๆในชลบุรี มีวิชาเลย,อังกฤษและวิทยาศาตร์  ดูตารางเรียนได้ที่นี่  คลิกเลย!

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

ใน pantip ก็มีคนที่ติวโทอิคเองแล้วได้คะแนนกันสูงๆ--ข้อสอบโทอิค ติวเองได้มั้ย?

ใน pantip ก็มีคนที่ติวโทอิคเองแล้วได้คะแนนกันสูงๆ--

ข้อสอบโทอิค  ติวเองได้มั้ย?


ใน pantip ก็มีคนที่ติวโทอิคเองแล้วได้คะแนนกันสูงๆ--ข้อสอบโทอิค--ติวเองดีมั้ย?

เอาเป็นว่า---เริ่มจาก  ติวโทอิคเองได้มั้ย?

ครูเมตอบเลยว่า  ได้!---ก็ทำไมจะไม่ได้ละ  หนังสือโทอิคมีเต็มตลาด ทั้งวิดีโอยูทูปเป็นพันๆ ถ้าอยากติวเองก็ย่อมมีทางให้อยู่แล้ว
ปัญหามันมีอยู่ว่า.. การติวโทอิคเองนั้นก็เหมือนกับการขับรถจากบ้านตัวเองไปเชียงใหม่--โดยไม่มีสิ่งใดนำทาง  ลองผิดลองถูก
ถามว่าแล้วลองผิด ลองถูก จะทำให้เราถึงเชียงใหม่มั้ย?  คำตอบก็มี 2 กรณี  กรณีแรกคือถึงคะ  แต่ใช้เวลาหลายอาทิตย์กว่าจะหาทางที่ถูกต้อง  หรือไม่ก็ระหว่างที่ลองผิดลองถูกก็เริ่มเซ็ง---ไม่ไปละเชียงหมง เชียงใหม่ แล้วก็ล้มเลิกความตั้งใจ
ใน pantip ก็มีคนที่ติวโทอิคเองแล้วได้คะแนนกันสูงๆ--ข้อสอบโทอิค--ติวเองดีมั้ย?
แต่ถ้าใครมี GPS หรือแผนที่ๆคนอื่นวาดไว้ให้  เขาจะสามารถไปที่เชียงใหม่ภายใน 24 ชม.
สิ่งที่ครูเมจะบอกก็คือ--ได้ คุณสามารถอ่านติวโทอิคเองได้  แต่ถ้าคุณได้ติวกันคนที่ผ่านข้อสอบมาแล้ว ได้คะแนนสูงๆ และสามารถอธิบายเทคนิคพร้อมทั้งตีโจทย์ให้เรา---คุณจะเก่งได้เร็วกว่าการ เรียนเองได้แน่นนอน!  อีกทั้งคุณจะสามารถถามข้อสงสัยได้ทันที--แล้วหนังสือโทอิคในท้องตลาดให้ สิ่งๆนี้มั้ย?
ไม่ใช่แค่ติวข้อสอบ  ใครๆก็รู้ว่าข้อสอบโทอิคมันหินตรงการบริหารเวลา  ถ้าไม่มีใครมาคอยจับเวลาคุณ และแนะนำการปรับปรุงจุดอ่อนของคุณ--คุณจะทำได้เองมั้ย?
เพื่อนที่เรียนในกลุ่มก็สำคัญ--- บรรยากาศในการสอบคนเดียวกับการสอบเป็นกลุ่มนั้นต่างกันมาก---ในสถานการณ์จริง คุณจะต้องสอบกันคนอีกหลายๆคนในห้องๆนึง  คุณได้ฝึกกับความกดดันในส่วนนี้หรือยัง?

คุณรู้คะแนนโทอิคของคุณหรือยัง? 

ทำแบบทดสอบพรีโทอิคกับเรา--ฟรี (ใช้เวลา 80 นาที)  คลิกที่นี่!

ข้อสอบโทอิคนี้สำคัญ--ครู เมทราบดีที่สุดเพราะได้คุยกับนักเรียนที่ทำงานแล้ว  ต่างคนบอกว่าแทบจะไม่มีบริษัทใดที่ไม่ขอดูคะแนนนี้--เราจึงต้องออกแบบคอร์ส ให้ดีเพื่อช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมาย  อีกทั้งการคัดเลือกครูมาสอนก็สำคัญ  ครูของเราต้องได้โทอิคไม่ต่ำกว่า 950/990 นักเรียนจึงจะมั่นใจได้ว่าได้เรียนกับเซียนจริงๆ (จะให้คนที่ไม่เก่งมาสอนนักเรียนของเราให้เก่งได้อย่างไร?)
คอร์สโทอิคของเรามีทั้งกลุ่มและเดี่ยว--คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดของรอบเวลาเรียน

สาเหตุที่เราใช้เวลาคิดนาน--ก่อนที่จะพูดอังกฤษ และวิธีแก้ไข

สาเหตุที่คุณใช้เวลาคิดนาน--ก่อนที่จะพูดอังกฤษ และวิธีแก้ไข

สาเหตุที่คุณใช้เวลาคิดนาน--ก่อนที่จะพูดอังกฤษ และวิธีแก้ไข
ใครถามเป็นภาษาอังกฤษกะคุณ...
คุณก็คิด...คิดอยู่นั่นแหละ....                        ผ่านไป 5 นาที....
โอเคพร้อมตอบละ!  คนถามหายหัวไปไหนแล้ว???
ก็เพราะสถานการณ์จริง--ใครจะมีเวลารอนานขนาดนั้น  ถามปุ๊ปต้องตอบปั๊ป!

สาเหตุที่คุณใช้เวลาคิดคำตอบที่นานมากกกส์--จะเป็นหนึ่งหรือทุกข้อของดังต่อไปนี้!

  • ตื่นเต้น  ไม่ได้ฟังคำถาม หรือไม่ก็ฟังไม่ออก แทนที่จะถามใหม่ เช่น Can you repeat that again? ก็นั่งเดาคำถามอยู่
  • คิดคำตอบไม่ออก   โห..ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ก็บอกเค้าไปเถอะ  ความเงียบมันทำให้คนอื่น (รวมทั้งตัวเรา) อึดอัดนะ
  • นั่งแปลไทยเป็นอังกฤษอยู่--ถ้า ยังไม่เก่ง..ก็ควรฝึกทำ  แต่ในช่วงที่กำลังแปลควรพูดคำออกมาบ้าง ไม่ใช่ต้องเรียงให้ perfect 100% ก่อนจะหลุดออกจากปาก  เช่น ถ้าถามว่า Where are you going?  กำลังเรียบเรียงอยู่ก็ตอบว่า  I ....am....going....to ....school.  แทนที่จะรอ 5 นาทีแล้วตอบเต็มประโยค
  • นั่งท่องกริยา 3 ช่องอยู่    ในการสนทนาแกรมม่าไม่ต้องเป๊ะเวอร์ขนาดนั้น  ถ้าเราใช้กริยาช่องผิด แต่เราเติมพวก yesterday, tomorrow อะไรพวกนี้ลง  คนฟังก็ยังสามารถเข้าใจเราได้
  • กลัวพูดผิด    พูดผิดก็พูดใหม่--ดีกว่าพูดไม่เป็นเลยนะจ้ะ
  • นึกคำศัพท์ไม่ออก   ก็ใช้คำที่คุณรู้แล้วพยายามอธิบายเอา  เพราะไอ้คำที่เราไม่รู้อะ  คือต่ออีกสิบนาทีก็ยังคิดไม่ออก  จะเปิดพจนานุกรมด้วยมั้ย?
  • อายเค้า   อายใคร?  คนถามเค้าอยากรู้คำตอบ มัวแต่อายๆอยู่แล้วจะได้คำตอบมั้ย?
ใช้เวลาคิดช้าหน่อยไม่เป็นไร--แต่คุณควรเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพูดอังกฤษมากขึ้น--และต้องสะสมคำศัพท์ให้เยอะ เพราะยิ่งรู้คำศัพท์มาก ยิ่งพูดได้ดีขึ้นและเข้าใจคำถามได้มากขึ้น!!  ไม่ว่าจะงานใหม่หรื่อเรียนที่สถาบันต่างๆ  สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อ--ไม่ใช้บ่อยๆก็มีสิทธิ์หมดได้นะ