FMCP Students!

FMCP Students!
No one is too old to learn English!

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เหตุผล 6 อย่างที่ทำให้คุณยังเขียนอีเมล์ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่เขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษทุกวันๆ

เหตุผล 6 อย่างที่ทำให้คุณยังเขียนอีเมล์ไม่รู้เรื่อง

ทั้งๆที่เขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษทุกวันๆ

เหตุผล 5 อย่างที่ทำให้คุณยังเขียนอีเมล์ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่เขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษทุกวันๆ
อยากรู้มั้ย  ว่าถึงแม้ว่าคุณเขียนอีเมล์ทุกวันๆ ไม่ได้หมายความว่าคุณมีทักษะในการเขียนที่ดี 
เคยมั้ย??  เขียนอีเมล์แล้วถูกส่งกลับ  ถูกถามหลายครั้งเพราะไม่เคลียร์จากลูกค้าและบอส

KruMae เห็นการเขียนอีเมล์มามากมาย และรวบรวมเหตุผลที่เรายังเขียนอีเมล์ไม่ถูกต้องซักที

  1. เขียนใช้เทนส์ผิดๆ ถูกๆ   ภาษาอังกฤษให้ความสำคัญในการใช้เทนส์ที่ถูกต้องเพราะมันสำคัญมากกกก   ลองนึกดู ถ้าลูกค้าถามถึงการส่งของ  เราบอกว่าส่งไปแล้ว  ทั้งๆที่ยังไม่ได้ส่งแต่ใส่เทนส์ผิด--คงงงกันสนุกไปเลย  เพราะฉะนั้นครูเมแนะนำให้ดูเทนส์ที่เค้าใช้  เค้าใช้เทนส์ใด  เราใช้เทนส์นั้น แล้วจะผิดผลาดน้อยกว่าพิมพๆไป ไม่ได้ดูเทนส์เลย
  2. แปลไทยเป็นอังกฤษ...จ๋าเลย   เมอ่านแล้วก็สามารถแปลได้ตามตัว  ภาษาอังกฤษมันมีรูปแบบเหมือนภาษาไทยขนาดนั้นเลยเหรอ?   ถ้าเขียนให้คนไทยด้วยกันอ่าน  ก็คงเข้าใจ  แต่ถ้าเขียนให้ลูกค้าหรือบอส--เราจะเสียเครดิตหมดนะ 
  3. ไม่ใช้ period หรือจุด full stop   เขียนไปเรื่อยๆเหมือนเขียนภาษาไทย   ภาษาอังกฤษมีการเริ่ม จบประโยคเพื่อป้องกันการสับสนของข้อความ  เราควรเคารพกฏของภาษาอังกฤษและใช้ให้ถูกต้อง  นอกเหนือจะอ่านง่าน เข้าใจง่าย แต่มันจะลดความปวดหัวให้คนที่รับอีเมล์เรา
  4. เขียนแต่น้ำ--เนื้อจริงๆมีนิดเดียว--  ทำเหมือนขายอาหารข้าวแกงที่มีแต่น้ำ   นิทานการเล่าเรื่องเก็บไว้เขียนอีเมล์ส่วนตัว  ถ้าเขียนอีเมล์ในที่ทำงาน  เขียนให้ได้ใจความสั้นๆ พอ  เพราะไม่มีใครอยากอ่าน และไม่มีใครมีเวลาอ่านข้อความยาวๆของเรา--โดยเฉพาะบอสของเรา  อีกอย่าง--ถ้าเราไม่มั่นใจภาษาของเราก็อย่าเขียวยาว..ยิ่งเขียนยาวยิ่งมี โอกาสผิดเยอะ
  5. ลอกการเขียนมาผิดๆ  ครูเมเคยถามนักเรียน...ทำไมเขียนแบบนี้  ก็มักได้คำตอบว่า..ก็เค้าเขียนกันมาอย่างนี้   ถ้าเราไม่หยุดดูนิดนึงว่าสิ่งที่เราลอกมาใช้เนี่ย  ถูกหรือผิด เราก็จะจำแบบผิดๆมาใช้ พอถึงเวลาแก้ก็แก้ยาก เพราะนิสัยการเขียนนั้นฝังลึกไปแล้ว
  6. ใช้ Google Translate แปล  กูเกิ้ลต้องถูกซิ--จริงเหรอ?  กูเกิ้ลก็คือคอมพิวเตอร์  สมองมนุษย์สร้างคอม  คอมไม่ได้สร้างมนุษย์  และอีกอย่าง เราจะไม่มีวันได้เรียนรู้ทักษะในการเขียนถ้าไม่เคยเขียนของตัวเอง
ทักษะ การเขียนอีเมล์แบบงูๆปลาๆนั้นจะสามารถใช้ได้ในตำแหน่งปัจจุบัน แต่ถ้าอยากได้รับการโปรโมทในตำแหน่งที่สูงขึ้น เราต้องฝึกการเขียนอีเมล์ที่ถูกต้อง ชัดเจนและเข้าใจง่าย  เพราะคงไม่มีบริษัทใดอยากให้ผู้จัดการในบริษัทเขียนอีเมล์แบบขอไปทีในฐานะ ตัวแทนของบริษัทนั้นๆ นะ

ฝึกการเขียนให้ถูกต้อง บอสอ่านก็จะแอบประทับใจ อีกทั้งทำให้การสื่อสารนั้นราบรื่นขึ้น

ทักษะ นี้สามารถฝึกได้เอง หรือสามารถฝึกในคอร์ส Business E-mail Writing วันเสาร์ 9.00-12.00  ติดต่อครูเมได้ที่ 082-471-0226 หรือไลน์ maemew

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คำถามเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษที่ KruMae เจอบ่อย--เรียนกี่ครอส์ถึงจะเก่ง?

คำถามเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษที่ KruMae เจอบ่อย--เรียนกี่ครอส์ถึงจะเก่ง?

questions
ซึ่งเป็นคำถามที่ตอบได้ยากมาก---

ไม่ ใช่เพราะ KruMae ไม่มั่นใจในหลักสูตรของสถาบัน FMCP English... แต่เมไม่มั่นใจในความพยายามและพื้นฐานทักษะทางภาษาของคนถาม  เพราะคนที่ถามส่วนใหญ่จะถามผ่านโทรศัพท์ หรือไลน์
การถามคำถามแบบนี้เปรียบเหมือนกับว่า..เราไม่สบาย..เราโทรไปหาหมอ  แล้วบอกอาการ แล้วถามว่าจะหายเมื่อไร
หมอ ยังไม่เห็นคนไข้  ไม่ได้ตรวจสอบอาการเอง  ในการที่เราไม่สบายอาจเป็นได้หลายอย่าง..แล้วจะมีหมอคนไหนกล้าการันตีว่าเรา จะหายได้กี่วัน กี่เดือน..

 ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน 

ถ้าคนนั้นเค้าสัญญาว่าเราจะเก่งภายในกี่เดือน ทั้งๆที่ไม่เคยทดสอบพื้นฐานของเรา รวมทั้งดูถึงการฝึกฝนนอกห้องเรียน--นักเรียนต้องระวังคนพวกนี้ให้ดีๆ  เค้าอาจจะตั้งใจขายคอร์สเพื่อทำยอดมากกว่าดูแลความต้องการของเราจริงๆ  ครูเมเตือนเลยนะ ว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ทักษะที่ฝึกกันได้แล้วเก่งในไม่กี่เดือน (ไม่อย่างนั้นจะไปเรียนต่างประเทศกันทำไม)

ถ้าตั้งใจจะเก่งภาษาอังกฤษ--นัก เรียนต้องฝึกให้บ่อยที่สุด  หมายถึงในห้องเรียนและนอกห้องเรียน และต้องทำความเข้าใจในการเรียนภาษาว่าใช้เวลาพอสมควร  ไม่ใช่ว่าอยากจะเอามาใช้เมื่อไหร่--แล้วค่อยมาเรียน   ครูเมบอกตรงๆ ว่าเราจะไม่มีทักษะภาษาทันใช้แน่

เพราะฉะนั้น--ถ้าอยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะเก่ง  ให้ดูที่พื้นฐานเรา ถ้าไม่แน่ใจให้มานัดเจอกับครูเม ครูเมจะเทสให้ฟรี!  และดูเวลาในการฝึกฝน รวมถึงเลือกคอร์สที่ตอบโจทย์ในเวลา และวันที่เราสามารถมาเรียนได้  KruMae แนะนำคอร์สสไตล์บุฟเฟต์ สำหรับคนที่มีเวลาพอสมควรในการเรียนภาษา เพราะได้เรียนถี่มาก และคุ้มค่ามากมาย

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สอบก.พ.ผ่านทุกวิชา--ยกเว้นโทอิค ทำอย่างไรดี?

สอบก.พ.ผ่านทุกวิชา--ยกเว้นโทอิค ทำอย่างไรดี?

สอบก.พ.ผ่านทุกวิชา--ยกเว้นโทอิค ทำอย่างไรดี?
สอบก.พ.ผ่านทุกวิชา--ยกเว้นโทอิค ทำอย่างไรดี?

โทอิค---ไปไหนก็หนีไม่พ้นจริงๆ

หลายคนนึกว่าข้อสอบโทอิคเป็นสิ่งที่อ่านๆไปแล้วก็สอบได้..
จริงหรือ?  ใครที่พูดแบบนั้นแสดงว่าไม่เคยสอบโทอิค จึงไม่เข้าใจตัวข้อสอบของมัน
ในกรณีล่าสุด  นักเรียนคนนึงเริ่มเครียด เพราะสอบทุกวิชาผ่าน--ขาดแต่โทอิค  และเค้าเรียกตั้ง 500 --จะทำอย่างไรดี?
เรียก 500 นี่ ถือว่าน้อยนะ  บริษัทเอกชลจะเรียกอย่างน้อย 550 ด้วยซ้ำไป...
เม แนะนำให้เริ่มหาสถานที่ๆเป็นผู้เชี่ยวชาญในการติวโทอิคแบบ FMCP English ที่มีช่วยให้นักเรียนประสบความสำเร็จมาแล้ว ไม่ควรหาหนังสือมาติวเองเพราะการติวเองนั้นจะใช้เวลานาน และจะไม่ได้เทคนิคในการทำข้อสอบที่ครบถ้วนเมื่อเปรียบเทียบจากครูที่ผ่านการ สอบมา รวมทั้งได้ติวข้อสอบเป็นสิบกว่ารอบ จนเข้าใจตัวข้อสอบอย่างแท้จริง และสามารถอธิบายให้เราเข้าใจได้ง่าย

เอ..ควรเรียนเดี่ยวหรือกลุ่มดี?

ถ้า ให้ชัวร์---ควรเรียนเดี่ยว เพราะเป็นการเจาะจุดอ่อนของเราอย่างแท้จริง รวมทั้งเราสามารถเลือกเวลาในการเข้าติวได้ (เหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัดในการติวโทอิค)
ส่วนการเรียนเป็นกลุ่ม นั้น--เพมาะสำหรับนักเรียนที่มีเวลาเพียงพอในการติวและการสอบ  ค่าใช้จ่ายก็จะน้อยกว่าเดี่ยว แต่ต้องหมั่นเตือนตัวเองในการฝึก และการทำการบ้าน

คำถามสำคัญที่สุดในชีวิตผู้ปกครอง--ให้ลูกเรียนหลักสูตรปกติ หรือหลักสูตร EP ดี

คำถามสำคัญที่สุดในชีวิตผู้ปกครอง--ให้ลูกเรียนหลักสูตรปกติ หรือหลักสูตร EP ดี?


คำถามสำคัญที่สุดในชีวิตผู้ปกครอง-- ให้ลูกเรียนหลักสูตรปกติ หรือหลักสูตร EP ดี?

หน้าที่ของผู้ปกครอง--คือ การเลือกการเรียนที่ดีที่สุดให้ลูก   แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าการเรียนแบบไหนจะดี ในเมื่อระบบการศึกษาสมัยนี้นั้นต่างกับที่เราเรียนมาอย่างมากมาย.
สมัยนี้มาทั้ง EP, หลักสูตรสองภาษา,หลักสูตรภาคอินเตอร์, GIFTED และอย่างอื่นอีกมากมาย..
บาง คนเลือกในหลักสูตรที่ตนคิดว่าลูกจะให้ได้..ก็คือสายที่ตนเคยเรียนมา  เรื่องนี้ต้องระวังเพราะ สมัยผู้ปกครองนั้น--ไม่มีทางเลือกหลักสูตรขนาดนี้    ความเป็นไปของโลกสมยก่อนนั้นแตกต่างจากสมัยนี้อย่างสิ้นเชิง

เมมีผู้ปกครองหลายคนโทรมาปรึกษาเมด้านนี้  เมแนะนำว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะผู้ปกครองต้องคุยกับใครก็ได้ที่ทำงานในบริษัท หรือทำการสอนโดยตรง เพราะเค้าจะเห็นความต้องการในการใช้วิชาหรือทักษะนั้นๆ โดบตรง..
การที่ลูกจะอยากเป็นอะไรนั้น--เป็นสิ่งที่เด็กเองก็ไม่รู้ แต่ได้ยินมาว่าผู้ปกครองว่าอะไรดี--เค้าก็เลือกอย่างนั้น  เมจึงแนะนำให้ผู้ปกครองเลือกสร้างพื้นฐานให้เค้า ดีกว่าวางแผนจนจบมหาลัย--เพราะถ้าเด็กเกิดเปลี่ยนใจทีหลัง เด็กก็ยังมีพื้นฐานในการประกอบอาชีพที่เขาชอบ

 เมจึงแนะนนำให้ผู้ปกครองเริ่มการเรียนภาษาของน้องตั้งแต่เด็กจนกระทั่งถึงชั้นม. 3   ให้น้องเรียนภาษาอังกฤษพร้อมกับภาษาไทย ยิ่งเรียนตอนเด็กๆยิ่งดีเพราะน้องจะสามารถซึมซับภาษาได้อย่างเร็วและลึกซึ้ง กว่าตอนเรียนเมื่อเป็นผู้ใหญ่  มีนักเรียนหลายคนที่เรียนภาษาตั้งแต่เด็ก  พอขึ้นม.ปลายก็เปลี่ยนเป็นหลักสูตรปกติ แต่ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษนี้--ถึงจะอ่อนกว่าที่เคยเป็นตอนเรียนหลักสูตร ภาษา  แต่เค้าก็เก่งกว่าเด็กที่เรียนหลักสูตรปกติมาตลอด--อย่างมากมาย

ส่งเสริมด้านภาษา--แล้วลูกของคุณจะได้เปรียบกว่าใคร--

ไม่ว่าจะทำงานด้านใดก็ตาม!